MGR Online - ตำรวจแถลงรวบแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีน ตระเวนก่อเหตุกดเงินตู้เอทีเอ็มย่านสุขุมวิท ยึดของกลางบัตรปลอมกว่า 35 ใบ รับได้ค่าจ้างกดครั้งละ 26,000 บาท มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท จ่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่ม
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ขจรพงษ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายโจว เผ่ยหัว (Zhou Peihua) อายุ 31 ปี และนายชู ไห่จิน (Zhu Hai Jin) อายุ 33 ปี สองผู้ต้องหาสมาชิกแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีน พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 35 ใบ, เครื่องอ่านข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 2 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าตู้กดเงินธนาคารกสิกรไทย ซอยสุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เมื่อคืนวันที่ 13 มิ.ย. เวลาประมาณ 23.00 น.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.จารุวัฒน์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. เวลาประมาณ 23.00 น.ที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ออกตรวจเขตพื้นที่รับผิดชอบ พอมาถึงบริเวณหน้าตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย ซอยสุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ พบผู้ต้องสงสัยทั้งสองยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มดังกล่าวท่าทีมีพิรุธ เมื่อเห็นตำรวจพยายามเดินหลบหนี ตำรวจจึงขอตรวจค้นพบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 3 ใบ พร้อมเครื่องอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ตัวผู้ต้องสงสัยทั้งคู่ จากนั้นทำการขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 1004 โรงแรมเดอะยูโรแกรนด์ ซอยสุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ พบบัตรอิเล็กทรอนิกส์อีก 32 ใบ และของกลางที่เหลือทั้งหมดจึงทำการตรวจยึดไว้ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางทำการสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ จากนั้นได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการของธนาคารกสิกรไทยมาตรวจสอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของกลางซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นบัตรปลอม
จากการสอบสวนนายโจวรับสารภาพว่าบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่พบทั้งหมดเป็นของปลอมมีผู้มาฝากไว้ที่ตน รวมทั้งเครื่องอ่านข้อมูลก็เช่นเดียวกันซึ่งได้รับการว่าจ้างในการนำบัตรและเครื่องมือเกี่ยวข้องจากประเทศจีนเข้ามายังประเทศไทย แล้วรับค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 5,000 หยวน (26,000 บาท) ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายชู ไห่จิน ไม่ปรากฏชื่อนามสกุลดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้เชื่อว่าใช้ชื่อและนามสกุลปลอมในการเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย นอกจากนี้ เมื่อทำการตรวจสอบประวัติการโอนเงินพบว่าเพิ่งได้ทำการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารประเทศจีนเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา และเมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปอีกมีประวัติการโอนอยู่ที่ปลายทางประเทศจีนอีกหลายครั้ง รวมเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท อีกทั้งยังพบหลักฐานวิธีการสอนทำการถ่ายโอนข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันว่า “สกิมเมอร์” อยู่ภายในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของคนร้ายอีกด้วย
ด้าน พ.ต.ท.จิรกฤตกล่าวว่า บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุนั้นมี 2 แบบด้วยกัน แบบแรกเป็นบัตรจริง ซึ่งผู้ต้องหาขโมยมาจากเมืองประเทศจีนมีรหัสพร้อมกด และอีกแบบเป็นบัตรว่าง โดยมีการตกลงกับทางร้านกดออกมาเป็นเงินสดและแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ทั้งนี้ไม่พบคนไทยเป็นผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ ต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการนี้อีกหลายราย เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลง หรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลงซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม หรือมีเครื่องมือหรือวัตถุเช่นว่านั้นเพื่อใช้หรือให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง, ร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมอันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น และแจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต