MGR Online - “พ.ต.อ.ภูมินทร์” เผยประสาน ผบช.ปส.ตามรวบ จ.ส.ต.กองปราบปราม ลักลอบขายยาบ้ากว่า 300 มัด มูลค่า 180 ล้านบาท ส่งขายเพื่อนบ้าน มีพฤติการณ์เปลี่ยนไป ใช้เงินมือเติบ-ซื้อรถใหม่ มีภารกิจกลับไม่เข้าทำงาน ก่อนนำมาสู่กระบวนการจับกุมดังกล่าว
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.กล่าวถึงกรณีตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม จ.ส.ต.สุชาติ ไกรแก้ว ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. อายุ 44 ปี นายศุภกิต ลดาวรรษ์ อายุ 25 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช น.ส.อรพรรณ จินตพันธ์ อายุ 27 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.ศรัญญา ผิวนิ่มนวล อายุ 26 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางยาบ้า 300 มัดรวมประมาณ 6 แสนเม็ด มูลค่า 180 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน เทียน่า ทะเบียน 5 กฉ 1420 กทม. จำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณลานจอดรถภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขารังสิต ถนนพหลโยธิน จ.ปทุมธานี ว่า จ.ส.ต.สุชาติ ไกรแก้ว ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดนั้น ตนได้ทำทำหนังสือมายัง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส.ให้ช่วยตรวจสอบและเฝ้าติดตามพฤติกรรมของ จ.ส.ต.สุชาติ สังกัด กก.5 บก.ป. เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่างตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวต่อว่า จากนั้นทาง ผบช.ปส.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. และผู้ที่เกี่ยวข้องประสานข้อมูลกับตน อย่างไรก็ตาม การทำหนังสือขอความร่วมมือครั้งนี้มาจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของจ่าสิบตำรวจคนดังกล่าว โดยราวเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า จ.ส.ต.สุชาติมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ทั้งในส่วนของการใช้เงินที่ฟุ่มเฟือยผิดปกติ ซื้อรถยนต์คันใหม่ รวมทั้งเมื่อมีภารกิจก็ไม่ได้เดินทางมาทำงาน อีกทั้งเดินทางไปนอกพื้นที่ทั้งที่ไม่ได้มีภารกิจหรือมีคำสั่งใด ซึ่งอาจเชื่อได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จนกระทั่งพบว่ามีการกระทำความผิดจริงและนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นทาง กก.5 บก.ป.ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ จ.ส.ต.สุชาติ สังกัด กก.5 บก.ป. พบพฤติกรรมที่ผิดปกติมาสักระยะ ได้จับตามาสักพักกระทั่งพบว่ามีการกระทำความผิดจริงและนำมาสู่การจับกุม อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการทาง กก.5 บก.ป.ได้ทำหนังสือรายงานข้อเท็จจริงมาแล้ว ในเบื้องต้นได้สั่งการให้ จ.ส.ต.สุชาติ สังกัด กก.5 บก.ป.ออกจากราชการไว้ก่อน อีกทั้งได้เน้นย้ำนโยบายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายประพฤติตนให้เหมาะสม ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดกฎหมาย หากพบก็จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.กล่าวถึงกรณีตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม จ.ส.ต.สุชาติ ไกรแก้ว ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. อายุ 44 ปี นายศุภกิต ลดาวรรษ์ อายุ 25 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช น.ส.อรพรรณ จินตพันธ์ อายุ 27 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.ศรัญญา ผิวนิ่มนวล อายุ 26 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางยาบ้า 300 มัดรวมประมาณ 6 แสนเม็ด มูลค่า 180 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน เทียน่า ทะเบียน 5 กฉ 1420 กทม. จำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณลานจอดรถภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขารังสิต ถนนพหลโยธิน จ.ปทุมธานี ว่า จ.ส.ต.สุชาติ ไกรแก้ว ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดนั้น ตนได้ทำทำหนังสือมายัง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส.ให้ช่วยตรวจสอบและเฝ้าติดตามพฤติกรรมของ จ.ส.ต.สุชาติ สังกัด กก.5 บก.ป. เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่างตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวต่อว่า จากนั้นทาง ผบช.ปส.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. และผู้ที่เกี่ยวข้องประสานข้อมูลกับตน อย่างไรก็ตาม การทำหนังสือขอความร่วมมือครั้งนี้มาจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของจ่าสิบตำรวจคนดังกล่าว โดยราวเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า จ.ส.ต.สุชาติมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ทั้งในส่วนของการใช้เงินที่ฟุ่มเฟือยผิดปกติ ซื้อรถยนต์คันใหม่ รวมทั้งเมื่อมีภารกิจก็ไม่ได้เดินทางมาทำงาน อีกทั้งเดินทางไปนอกพื้นที่ทั้งที่ไม่ได้มีภารกิจหรือมีคำสั่งใด ซึ่งอาจเชื่อได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จนกระทั่งพบว่ามีการกระทำความผิดจริงและนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นทาง กก.5 บก.ป.ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ จ.ส.ต.สุชาติ สังกัด กก.5 บก.ป. พบพฤติกรรมที่ผิดปกติมาสักระยะ ได้จับตามาสักพักกระทั่งพบว่ามีการกระทำความผิดจริงและนำมาสู่การจับกุม อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการทาง กก.5 บก.ป.ได้ทำหนังสือรายงานข้อเท็จจริงมาแล้ว ในเบื้องต้นได้สั่งการให้ จ.ส.ต.สุชาติ สังกัด กก.5 บก.ป.ออกจากราชการไว้ก่อน อีกทั้งได้เน้นย้ำนโยบายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายประพฤติตนให้เหมาะสม ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดกฎหมาย หากพบก็จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที