MGR Online - อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ให้การปฏิเสธ พร้อมสู้คดีชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ปี 51 อัยการโจกท์แถลงขอนำพยานเข้าสืบ 77 ปาก ใช้เวลา 10 นัด ขณะที่ฝ่ายจำเลยขอนำพยานเข้าสืบหักล้าง รวม 38 ปาก เวลา 6 นัด ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 25 ม.ค.ปีหน้า
ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (16 พ.ค.) ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 78 ปี, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 66 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 68 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 63 ปี, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 68 ปี, นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 41 ปี, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อายุ 64 ปี, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี อายุ 57 ปี และนายเทิดภูมิ ใจดี อายุ 72 ปี แกนนำพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนในหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215 และ 216
คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า วันที่ 25 พ.ค. 2551 จำเลยทั้งเก้าจัดชุมนุมใหญ่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวร เขตพระนคร กทม. โดยใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อจำนวน 5 คันเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ ติดตั้งเครื่องขยายเสียงและลำโพง แล้วเคลื่อนขบวนไปตามถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อรถเวทีปราศรัยเคลื่อนผ่านไปบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มีเจ้าพนักงานตำรวจตั้งแถวสกัดกั้นเอาไว้ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถฝ่าแนวกั้นไปได้ แล้วปิดการจราจร ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่สี่แยกมัฆวานรังสรรค์ไปจนถึงสี่แยก จปร.เป็นที่ชุมนุมประท้วง จนถึงวันที่ 5 ต.ค. 2551 โดยได้มีการตั้งเวทีถาวร กางเต็นท์ โรงครัวปรุงอาหาร ขึงลวดหนาม กั้นถนนราชดำเนินนอกห้ามบุคคลเข้าออกบริเวณที่ชุมนุม ตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัยเรียกว่านักรบศรีวิชัย
นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมเครื่องมือ เช่น ไม้เบสบอล หนังสติ๊ก ท่อนเหล็ก เพื่อใช้เป็นอาวุธ ส่อไปในทางที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศ ส่วนบนเวทีปราศรัยจำเลยทั้ง 9 คนได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นกล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช โดยจัดการปราศรัยปลุกระดมมวลชนที่มาฟังและร่วมชุมนุมไปตลอด 24 ชั่วโมง โดยร่วมกันชักชวนผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนกระทำการปิดถนนสาธารณะ และเคลื่อนกำลังไปในลักษณะดาวกระจาย ใช้รถยนต์บรรทุกเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ไปกดดันบริเวณสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โรงเรียน สถานศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่ชุมนุม ต้องหยุดการเรียนการสอนหลายครั้งเนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยจากการชุมนุมในลักษณะดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย
โดยวันนี้อัยการโจทก์ จำเลยที่ 1-9 และทนายจำเลยที่ 1-3, 4, 5, 9 และผู้รับมอบอำนาจทนายความจำเลยที่ 7 เดินทางมาศาล โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยที่ 1-9 ฟังและสอบถามแล้วจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยทั้งเก้ายื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลย ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าความผิดคดีนี้มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และจำเลยทั้ง 9 คนมีทนายความแล้ว เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปโดยไม่ล่าช้าจึงอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
ทั้งนี้ อัยการโจทก์แถลงขอส่งเอกสารและพยานวัตถุประกอบจำนวน 25 แฟ้ม รวมถึงแผ่นซีดีบันทึกคำปราศรัย ขณะที่ทนายความจำเลยที่ 1-3 และ 6, 8 แถลงขอส่งเอกสารบางส่วนซึ่งศาลได้รับไว้
ส่วนทนายความจำเลยที่ 4, 5, 9 และผู้รับมอบอำนาจทนายความจำเลยที่ 7 แถลงว่าในชั้นนี้ไม่มีพยานเอกสารและพยานวัตถุที่จะให้โจทก์ตรวจและส่งต่อศาล ต่อมาอัยการโจทก์ได้แถลงขอนำพยานบุคคลเข้าสืบรวม 77 ปาก แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม เช่น ผู้ที่กล่าวหา พยาน และประชาชนที่เห็นเหตุการณ์, ผู้บาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน ซึ่งใช้เวลา 10 นัด ขณะที่ฝ่ายทนายความจำเลยขอนำพยานเข้าสืบรวม 38 ปาก เช่น จำเลยที่ 1-9 และพยานบุคคลที่จะนำมาสืบให้เห็นถึงข้อกฎหมายและสิทธิในการชุมนุมของจำเลยทั้ง 9 คน ซึ่งใช้เวลา 6 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตตามคำร้องโจทก์และจำเลย โดยนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 25 ม.ค. 2560 เวลา 09.00 น.