MGR Online - ศาลฎีกาฯ นักการเมืองเลื่อนนัดไต่สวนพยานปาก “หมอวรงค์” เนื่องจาก 5 องค์กรรัฐยื่นเรียกค่าเสียหายเพิ่มในสำนวน 2 หมื่น 6 พันล้านบาท
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก รวม 28 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐหรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 พร้อมทั้งขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 35,274,611,007 บาท กรณีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)
วันนี้ อัยการโจทก์ได้นำพยานเข้าไต่สวนปากแรก คือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยมี ภรรยาของ นพ.วรงค์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ มาร่วมฟังการพิจารณา รวมถึงยังมีประชาชนนำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้กำลังใจ นพ.วรงค์ด้วย
ด้าน นพ.วรงค์ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าไต่สวนว่า ตนได้รับคำถามจากทนายความจำเลยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จำนวนทั้งหมด 66 หน้า กว่า 200 คำถามซึ่งถือว่ามีจำนวนมาก เพราะคดีนี้มีจำเลยมากถึง 28 คน แต่ครั้งนี้ก็มั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงได้ทุกคำถาม ทั้งนี้ ทราบจากอัยการว่าอาจจะมีการเลื่อนการไต่สวนออกไป เนื่องจากมีหน่วยงานของรัฐยื่นร้องต่อศาลเรียกค่าเสียหายกับบริษัทเอกชนเพิ่มเติม ซึ่งถือว่าจะทำให้ตนมีเวลาเตรียมตัวในการตอบคำถามมากขึ้น ส่วนกรณีที่ทีมทนายความของพรรคเพื่อไทยร้องต่อศาลว่าตนละเมิดอำนาจศาลจากการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น เห็นว่าศาลไม่ได้ห้ามพูดข้อเท็จจริง แต่ห้ามวิเคราะห์ และชี้นำ ซึ่งตนก็มีความระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ และเชื่อว่า จะสามารถชี้แจงประเด็นนี้ต่อศาลได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เตรียมมาชี้แจงต่อศาลในวันนี้ต่างจากคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นข้อมูลในภาพรวมขนาดใหญ่ ส่วนคดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นการทุจริตจำนำข้าวแบบจีทูจี ซึ่งจะเป็นการให้ข้อมูลที่เจาะลึกลงไป
โดยวันนี้ฝ่ายจำเลย นายบุญทรง และจำเลยอื่นต่างทยอยเดินทางมาศาล ส่วน นายอภิชาติ หรือ เสี่ยเปี๋ยง จันทรสกุลพร จำเลยที่ 14 ซึ่งถูกศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 6 ปี ฐานยักยอกข้าวสาร ทางเรือนจำกลางสมุทรปราการ แจ้งว่านายอภิชาติมีอาการป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถส่งตัวมาศาลได้ ส่วนจำเลยที่ 19 ติดภารกิจร่วมสัมมนาและปาฐกถาเรื่องการศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างใบหน้า ศาลจึงอนุญาตให้พิจารณาลับหลังจำเลยทั้งสองได้
ต่อมาองค์คณะผู้พิพากษาได้สอบถามโจทก์ถึงกรณีเมื่อวันที่ 20 และ 26 เม.ย. 2559 นิติบุคคล 5 ราย ประกอบด้วย กรมการค้าต่างประเทศ องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ผู้ร้อง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลย ที่ 7-15 และ 17-28 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมเป็นเงินจำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท รวมดอกเบี้ย ซึ่งโจทก์แถลงไม่คัดค้าน องค์คณะพิจารณาแล้ว อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 18 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 44/1, 44/2 รับคำร้องไว้พิจารณา และเพื่อให้จำเลยมีโอกาสสู้คดีได้เต็มที่ จึงให้จำเลยยื่นคำให้การเป็นรายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน และให้เลื่อนนัดไต่สวน นพ.วรงค์ พยานโจทก์ปากนี้ ไปเป็นวันที่ 15 มิ.ย. 2559
ทั้งนี้ นิติบุคคล 5 ราย ผู้ร้องได้แถลงขอนำพยานเข้าไต่สวน 3 ปาก จึงกำหนดให้นำพยานเข้าไต่สวนให้เสร็จภายใน 1 นัด ส่วนฝ่ายจำเลยแถลงขอนำพยานเข้าไต่สวน 11 ปาก กำหนดไต่สวน 3 นัด และให้เพิ่มนัดไต่สวนอีก 8 นัด คือ วันที่ 1 และ 15 มี.ค. 2560, วันที่ 19 และ 26 เม.ย. 2560, วันที่ 17 และ 31 พ.ค. 2560, วันที่ 14 และ 28 มิ.ย. 2560
อย่างไรก็ดี หลังศาลอ่านกระบวนพิจารณาแล้ว ศาลได้กำชับ นพ.วรงค์ และคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ให้สัมภาษณ์ข่าวหรือข้อเท็จจริงในคดีนี้ หรือคดีที่เกี่ยวข้องในลักษณะชี้นำที่อาจก่อให้เกิดอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน อันกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม หากฝ่าฝืนศาลจะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร และหากมีการละเมิดคำสั่งให้คู่ความที่ร้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเข้ามา ศาลจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป
ด้านทนายความนายอภิชาตเผยว่า ที่นายอภิชาตไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ เนื่องจากมีอาการป่วยจากโรคประจำตัวซึ่งเป็นมานานแล้วและอาการรุนแรงมากขึ้น โดยยังไม่แน่ใจว่านัดหน้าจะมาศาลได้หรือไม่