xs
xsm
sm
md
lg

ปิดปากฝ่ายคว่ำร่างรธน. ห้ามพูดเขียนผ่านทุกสื่อฝ่าฝืนคุก10ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (28 ก.พ.) มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะตัดสินอย่างไร ต่อการออกพ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายในการควบคุมการรณรงค์ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระหว่างการเสนอไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกเป็นพ.ร.บ. หรือการออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ซึ่งทำได้ง่าย รวบรัด และรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐบาลให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ มีทั้งสิ้น 16 มาตรา โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นไปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่เคยใช้ในการออกเสียงประชามติ ร่าง รธน. เมื่อปี 2550 ซึ่งมีเพียง 13 มาตรา
รายงานข่าวแจ้งว่า เนื้อหาที่เพิ่มเติมเข้ามาใน ร่าง พ.ร.บ. มาตรา 12 ว่าด้วยการกระทำการของบุคคล มี 7 วงเล็บ ในวงเล็บ 1 ระบุว่า "ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย" ได้ถูกขยายความด้วยการเขียนข้อความเพิ่มเข้ามาใหม่อีกหนึ่งวรรค ข้อความว่า " ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ หรือลักษณะอื่นใด โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียง ไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้น กระทำการก่อความวุ่นวาย เพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย" ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มข้อความนี้เข้ามา จะก่อให้เกิดปัญหาว่า การใช้สิทธิ เสรีภาพ ในการสื่อสารด้วยการเขียนและการพูดผ่านสื่อต่างๆ หรือไม่ว่าในช่องทางใด จะถูกจำกัดอย่างมาก เนื่องจากคำว่า รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคายในการแสดงความเห็นนั้น จะถูกตีความว่า เป็นการก่อความวุ่นวายได้ทั้งหมด และต้องถูกดำเนินคดีเพื่อรับโทษที่สูงถึงขั้นติดคุกหลายปี และโดนปรับอีกด้วย
ข่าวแจ้งว่า ในมาตราเดียวกัน วงเล็บ 3 ที่เคยอยู่ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติ ปี 2550 ซึ่งนำมาเขียนไว้อีกครั้งในร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ น่าจะครอบคลุมเพียงพออยู่แล้ว นั่นคือ " หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียง ไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง หรือเพื่อให้สำคัญผิดใน วัน เวลา ที่ออกเสียง หรือวิธีการลงคะแนนออกเสียง" ซึ่งมีโทษสถานเดียวกัน คือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ไม่จำเป็นต้องมาเขียนเพิ่มเติมให้เป็นการจำกัดสิทธิ เสรีภาพของคน จนอาจจะแสดงข้อเท็จจริงและเหตุผลไม่ได้เต็มที่
" การเพิ่มข้อความใน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ จะทำให้การพูด การเขียน ถูกจำกัดสิทธิอย่างมาก เพราะการแสดงความเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ย่อมจะมีการเปรียบเปรย เปรียบเทียบ อุปมาอุปไมย ยกเหตุการณ์ในอดีตมาพูด เพื่ออ้างถึง การพูดตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเห็นด้วยที่ต้องการให้ผ่าน หรือฝ่ายไม่เห็นด้วย ที่ต้องการจะคว่ำร่างฯ การแสดงออกที่ถูกตีความว่า มีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ทั้งๆ ที่การพูดหรือเขียน อาจมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการก่อความวุ่นวาย แต่คนพูด จะถูกดำเนินคดีและมีสิทธิติดคุกได้ง่ายๆ ถ้ากฎหมายเขียนออกมาแบบนี้ ก็เท่ากับเป็นการปิดปากฝ่ายคัดค้าน และพวกที่ต้องการคว่ำ ร่าง รัฐธรรมนูญนั่นเอง" แหล่งข่าวกล่าว

** ปชป.อัดรัฐบาลหวังต่อท่ออำนาจ

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของครม. ต่อร่างรธน. เกี่ยวกับการใช้รธน. 2 ช่วงเวลา ที่มีการมองกันว่าเป็นการต่อท่ออำนาจ ผ่านข้ออ้างการปฏิรูปในเวลา 5 ปี ว่า แท้ที่จริงภารกิจของ คสช. ที่ประชาชนอยากเห็น คือ การปฏิรูปทันที ไม่ต้องรอเวลา เพราะที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 2 ปี ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นชัดเจนนัก ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
แต่คสช. กลับวุ่นวายอยู่กับการแก้ไขร่างรธน. ในหลายประเด็น เช่น การเพิ่มเติมบทเฉพาะกาล ที่ทำให้ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า เป็นความพยายามคงอำนาจ หรือควบคุมรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องที่มาส.ว. ที่อาจมาจากการแต่งตั้งในบทเฉพาะกาล และมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกับส.ส. ไปจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ ในขณะที่ประชาชน ต้องมาทวงถามสิทธิที่หายไปในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่คำขอของครม. กลับไม่มีเรื่องเหล่านี้อยู่เลย
"รัฐบาลอ้างเรื่องการปฏิรูป แต่กลับมุ่งที่การสร้างกลไกพิเศษ เพื่อคงอำนาจไว้ในมือในอนาคต โดยไม่ทำการปฏิรูปให้เกิดขึ้นจริง ทั้งที่ทำได้ทันที เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยุ่แล้วในขณะนี้สามารถจัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูปที่ต้องทำก่อนและเดินหน้าได้เลย ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลต่อการปฏิรูปประเทศด้วย โดยไม่ถูกเคลือบแคลงว่า ใช้การปฏิรูปมาบังหน้า เพื่อต่อท่ออำนาจตัวเอง" นายบุญยอด กล่าว

** "องอาจ" แนะกรธ. ดูต้นตอปัญหา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ครม. มีความวิตกกังวลว่า ทำอย่างไรจึงจะป้องกันมิให้ความยุ่งยากโกลาหล ความขัดแย้ง และความไม่สงบเรียบร้อยจนประเทศเข้าสู่สภาวะที่ล้มเหลวดังเช่นก่อน พฤษภาคม 2557 ย้อนกลับมาเกิดขึ้นอีก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ภายหลังการเลือกตั้ง และภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ตนเสนอให้ กรธ.พิจารณาปรับปรุงแก้ไขใน ร่างรธน. เพื่อป้องกันปัญหา ไม่ให้เกิดซ้ำรอยอีกนั้น โดยคงต้องย้อนไปดูว่า ต้นตอของเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาก่อน พ.ค.57 คือ อะไร ในส่วนตัวมองว่า ต้นตอของปัญหา คือ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนก่อให้เกิดความไม่พอใจ และไม่ยอมรับรัฐบาล ที่ดำเนินการโดยไม่ชอบธรรม นำไปสู่การชุมนุมประท้วงความไม่ถูกต้องชอบธรรมดังกล่าว จนสถานการณ์บานปลายกลายเป็นวิกฤต
ทั้งนี้ หาก กรธ.ประสงค์จะออกแบบรัฐธรรมนูญไม่ให้เกิดวิกฤติเหมือนก่อน พ.ค.57 กรธ. จึงควรดูที่ต้นตอของวิกฤตอย่างแท้จริง และหาทางออกแบบป้องกันปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่ง ในการคลายความกังวลต่อสถานการณ์หลังการเลือกตั้งได้
กำลังโหลดความคิดเห็น