MGR Online - “พล.ต.อ.พงศพัศ” แถลงจับ 2 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ระดับประเทศในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และอยุธยา รวบผู้ต้องหา 7 ราย ยึดยาบ้าล้านกว่าเม็ด ไอซ์ 8.7 กิโลกรัม เฮโรอีนอีก 720 กรัม
วันนี้ (1 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส., พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส, พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ไชยยา รุจจนเวท ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด 2 คดี ได้ผู้ต้องหารวม 7 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,048,000 เม็ด, ยาไอซ์ 8.7 กิโลกรัม, เฮโรอีน 720 กรัม, รถยนต์ 3 คัน, โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ
คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ แก้วนา อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร, นายปิยะ เครือหมื่น อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร, นายชัยวัตน์ ศรีปัญญา อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร, นายวิษณุพงษ์ ดวนลี อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดนครพนม, นายพุทธรัก เพ็งอินทร์ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร พร้อมของกลางยาบ้า 648,000 เม็ด, เฮโรอีน 720 กรัม, รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน 1 ฒง 8200 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน บพ 594 สกลนคร, รถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ก 2441 อุดรธานี, โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ปั๊มน้ำมันบริเวณถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราชสีมา
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้นั้นสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดมาจากจังหวัดนครพนม โดยใช้รถยนต์กระบะจำนวน 3 คันเป็นพาหนะในการลำเลียง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ และเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้พบการเคลื่อนไหวของรถยนต์กระบะทั้ง 3 คัน จึงได้ติดตามจากพื้นที่จังหวัดนครพนมเข้าสู่จังหวัดนครราชสีมา จนกระทั่งรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน 1 ฒง 8200 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน บพ 594 สกลนคร เลี้ยวเข้าสู่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบริเวณถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายกิตติศักดิ์และนายปิยะลงมาจากรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน 1 ฒง 8200 กรุงเทพมหานคร และนายชัยวัตน์ลงมาจากรถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน บพ 594 สกลนคร เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมและขอตรวจค้น พบยาบ้าและเฮโรอีนถูกซุกซ่อนไว้ในช่องลับใต้พื้นรถยนต์กระบะกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตามไปจับกุมนายพุทธรักซึ่งขับรถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ก 2441 รถที่คอยขับนำทางให้กับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ที่ใช้ขนยาเสพติด ได้ที่บริเวณใต้สะพานกลับรถถนนมิตรภาพเข้านครราชสีมา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 5 รายได้ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายชาญชัย แซ่หว่าง หรือชัย อายุ 28 ปีชาวจังหวัดเชียงราย, นายวัฒนา โชติพัฒน์กุล หรือเปา อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 400,000 เม็ด, ยาไอซ์จำนวน 8,764 กรัม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา บริเวณถนนพหลโยธิน ตำบลหันตรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และร้านอาหารภายในสนามบินดอนเมือง
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนหาข่าวเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด จนกระทั่งทราบว่านายชาญชัย แซ่หว่าง ต้องการขายยาบ้าจำนวน 400,000 เม็ด และยาไอซ์ประมาณ 8 กิโลกรัม โดยนัดส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนจับกุม และเมื่อเวลา 22.00 น.ของวันที่ 30 มีนาคม เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้นำของกลางไปไว้ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ตำบลหันตรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าว พบกระเป๋าจำนวน 4 ใบ มียาบ้าและยาไอซ์ถูกบรรจุอยู่ภายในกระเป๋า ต่อมาวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมานายชาญชัยได้ติดต่อมายังสายข่าวเพื่อขอรับเงินค่ายาเสพติดจำนวน 5,000,000 บาทที่ได้จำหน่ายให้ไปแล้ว โดยได้นัดรับเงินที่สนามบินดอนเมือง เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมนายชาญชัยที่หน้าห้องน้ำชั้น 3 ภายในสนามบินดอนเมือง และจับกุมนายวัฒนาได้ที่ร้านอาหารภายในสนามบินดอนเมือง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า ในช่วงสงกรานต์นี้ขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจะลักลอบปะปนเข้ามาร่วมกับการเดินทางของพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการพัฒนาสายข่าวเพื่อสกัดจับกลุ่มค้ายาเสพติดให้ได้มากขึ้น มีการเข้มงวดตรวจขันมากขึ้นในด่านทางภาคเหนือ กลุ่มค้ายาเสพติดจึงเปลี่ยนจากการขนยาเข้ามาทางภาคเหนือของประเทศเป็นทางภาคอีสานแทน เพราะในช่วงนี้เป็นหน้าแล้งน้ำแม่น้ำมีน้อยทำให้ง่ายต่อการขนมากกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เพิ่มการเข้มงวดมากขึ้นเพื่อที่จะสกัดจับกลุ่มลักลอบค้ายาเสพติดเหล่านี้ และยังประสานงานกับทางประเทศเพื่อนบ้านเพื่อออกหมายจับตัวการใหญ่ที่คอยสั่งการอยู่นอกประเทศ