กาฬสินธุ์ - กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้ ม.44 สนับสนุนกำลังตำรวจชุดปราบปรามการโจรกรรมรถภาค 4 ตำรวจกาฬสินธุ์ ขนส่งจังหวัด บุกตรวจเต็นท์รถมือสองชื่อดังกลางเมือง หลังชาวบ้านร้องทุกข์รถที่ซื้อเป็นรถตัดประกอบแชสซี เตรียมดำเนินคดีฉ้อโกงตามนโยบาย คสช.
ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านตำบลเสี่ยว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้เอาผิดเต็นท์รถยนต์มือสอง “เพชรยานยนต์” สาขากาฬสินธุ์ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากพบว่ารถกระบะ 4 ประตูที่ซื้อไปนั้นเป็นรถผิดกฎหมายไม่สามารถนำมาใช้ได้เนื่องจากถูกตัดประกอบเลขแชสซี จนถูกปฏิเสธการตรวจสภาพจากสำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ก่อนหน้านั้นรถคันดังกล่าวกลับรถตรวจสภาพให้ผ่านโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดสกลนคร
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (22 มี.ค.) พ.ต.ประพัทรพล พินิจมนตรี นำกำลังหน่วยทหารทรหดชุดปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา หัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.วีระ หางนาค หัวหน้าศูนย์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ ตำรวจภูธรภาค 4 นายกฤติกร ชาวอ่างทอง รักษาการขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมกำลังพลกว่า 30 นายเข้าตรวจสอบเต็นท์รถเพชรยานยนต์ สาขากาฬสินธุ์ เลขที่ 40/9-12 ถนนถีนานนท์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
การเข้าตรวจสอบครั้งนี้ ฝ่ายทหารได้ใช้ ม.44 ตามคำสั่งของ พล.ต.นิตินัย ภีมะโยธิน ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยตำรวจชุดโจรกรรมรถยนต์และขนส่งจังหวัดได้ทำการตรวจสอบเลขทะเบียนรถยนต์และเลขแชสซีที่มีอยู่กว่า 30 คัน โดยได้พบกับนางไพจณา ตันสกุล อายุ 50 ปี เจ้าของเต็นท์รถดังกล่าว และให้การว่ารถยนต์ที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่ได้จากการประมูลมา ซึ่งจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดสกลนคร
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบรถยนต์หลายชนิดและยี่ห้อมีทะเบียนมาจากหลายภูมิภาค และส่วนใหญ่จะเป็นทะเบียนจากจังหวัดสกลนคร นครพนม ภูเก็ต และศรีสะเกษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขอให้เจ้าของเต็นท์รถเตรียมจัดส่งเอกสารให้ตรวจสอบทั้งหมด
พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา หัวหน้าชุดป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่าการเข้าตรวจสอบเกิดขึ้นตามคำสั่งของ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ซึ่งมอบหมายให้ พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ หัวหน้าคณะทำงานการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ให้ตำรวจดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเฉพาะจากการร้องทุกข์ของประชาชน
ในข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์จำนวนมาก ที่ผ่านมาเฉพาะพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 สองปีให้หลังได้ตรวจพบปัญหาการตัดต่อเลขแชสซีถึง 800 คัน
สำหรับเต็นท์รถยนต์มือสองแห่งนี้ ทราบว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฯ จึงเป็นการขยายผลและทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่มีการตัดต่อเลขแชสซีจริง ขณะนี้รอผลการตรวจสอบเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อดำเนินคดี
ในส่วนของผู้เสียหายซึ่งได้แจ้งความเพื่อเอาผิดข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการและฉ้อโกงประชาชนนั้น ตำรวจจะทำการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาการปลอมแปลงเอกสาร ว่ารถที่มีลักษณะตัดต่อคัสซีผ่านการตรวจสภาพจาก ขนส่งจังหวัดสกลนคร ได้อย่างไร
“ปัญหาดังกล่าวยังได้มีผู้เสียหายทยอยเดินทางเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนที่ซื้อรถมือสองที่สงสัยว่าจะเป็นรถตัดประกอบเข้ามาร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกวัน”
ด้านนางไพจณา ตันสกุล เจ้าของเต็นท์รถเพชรยานยนต์ กล่าวว่า เฉพาะรถยนต์ที่ถูกร้องเรียนตนไม่ทราบว่าเป็นรถตัดประกอบแชสซี เพราะเอกสารได้ตรวจผ่านมาจากขนส่งจังหวัดสกลนคร ซึ่งก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ขนส่งฯ ทุกกรณีที่จะให้เข้ามาทำการตรวจสอบ โดยยืนยันว่าได้ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต ในกรณีของนายพงษ์ธนพล มหาชัย ผู้เสียหายที่ร้องทุกข์นั้น ยอมรับว่าได้เข้ามาติดต่อจริง ภายหลังเมื่อรับทราบปัญหาแล้วก็ได้เตรียมที่จะให้ทำการเช่าซื้อรถยนต์คันใหม่ แต่ติดปัญหาในเรื่องการค้ำประกัน ทางเต็นท์ก็พร้อมที่จะพูดคุยเพื่อเป็นการแก้ไขต่อไป
สำหรับปัญหาดังกล่าว แหล่งข่าวระดับสูงระบุว่าในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนนอกจากปัญหารถตัดต่อแชสซีแล้วยังมีปัญหาการใช้ป้ายทะเบียนปลอมและใช้แผ่นป้ายทะเบียนไม่ตรงกับรถยนต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งทำการปราบปรามอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายของ คสช.ที่ต้องการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลตาม 16 ฐานความผิดที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้