MGR Online - กองปราบฯ ตามจับกุมลูกน้องคนสนิทนายหน้าซื้อรถแบ็กโฮ หลังเกิดขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์จนมีปากเสียงรุนแรง ก่อนใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต 2 เจ็บ 1 ด้านผู้ต้องหาอ้างป้องกันตัว
วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ภูวดิท คงเพ็ชร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล สว.สส.สภ.เมืองนครปฐม ร่วมแถลงจับกุม นายจารึก หรือเป้ย คนดี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ 129/2559 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2559 ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่น พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่น ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตติดตัว และโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน” พร้อมของกลางรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ทะเบียน กจ 40 กระบี่ เสื้อเชิ้ตลายตารางสีน้ำเงินขาว เสื้อกล้ามสีขาว (นายจารึกใส่ขณะก่อเหตุ) โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยติดตามจับกุมได้ที่ชานชาลาสถานีรถไฟจังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 12.30 น.
พ.ต.อ.ภูมินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เวลา 03.00 น. ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งพบศพชายถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย บริเวณริมถนนเพชรเกษม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม เมื่อไปตรวจสอบพบศพ นายปราโมทย์ คงชนะ อายุ 58 ปี และนายณรงค์ เนตร์พระฤทธิ์ อายุ 51 ปี ส่วนนายสุรศักดิ์ อาจหาญ อายุ 51 ปี ถูกยิงบาดเจ็บ จึงประสานตำรวจกก.5 บก.ป. ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายธีรยุทธ หรือโกยุทธ รัตนพรหม ผู้กว้างขวางในวงการรับเหมาถมที่ดิน และธุรกิจเกี่ยวกับรถแบ็กโฮใน จ.กระบี่ และนายจารึก ผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของนายธีรยุทธ และเป็นมือปืนผู้ก่อเหตุ
จากการสืบสวนทำให้ทราบว่า ก่อนหน้านั้น กลุ่มผู้เสียชีวิตได้ให้ นายธีรยุทธ เป็นนายหน้าติดต่อซื้อดาวน์รถแบ็กโฮ 1 คัน ในราคา 6 แสนบาท และนัดให้นำรถมาส่งที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ก่อนที่ นายธีรยุทธ จะไปติดต่อเช่าซื้อรถคันดังกล่าวจากบริษัทย่านรังสิต โดยใช้เงิน 6 แสนบาทของกลุ่มผู้ตายแต่ระบุชื่อตัวเองเป็นคนซื้อดาวน์ จากนั้น นายธีรยุทธ ก็นัดให้บริษัทนำรถไปส่งที่ จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลานัดกลุ่มผู้ตายได้ทวงถามรถจาก นายธีรยุทธ แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงโต้เถียงกันเรื่องกรรมสิทธิ์ เนื่องจาก นายธีรยุทธ รับเงินจากกลุ่มผู้ตายไปแล้ว ก่อนจะเกิดปากเสียงกันรุนแรง และนายธีรยุทธ ก็ขับรถไป ปล่อยให้ นายจารึก คุมรถแบ็กโฮคันดังกล่าวให้ขับไปส่งที่ จ.กระบี่ แต่ทางฝ่ายผู้เสียชีวิตก็ขับรถตาม จน นายจารึก ยิงกลุ่มผู้เสียชีวิต และหลบหนีไป กระทั่งวันที่ 23 มี.ค. ตำรวจสามารถจับกุม นายธีรยุทธ ได้ที่บริเวณ สภ.เมืองนครปฐม ก่อนจะขยายผลจับกุมนายจารึก
ด้าน นายจารึก รับสารภาพตนก่อเหตุยิงกลุ่มผู้เสียชีวิตจริง โดยปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นปืนที่ นายธีรยุทธ ให้ไว้เพื่อป้องกันตัว ตนยืนยันว่า ทำไปเพราะป้องกันตน และทรัพย์สิน เนื่องจาก นายธีรยุทธ ซึ่งเป็นหัวหน้าสั่งให้นำรถไปส่งที่ จ.กระบี่ ตนจึงเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเปิดฉากยิงก่อน อย่างไรก็ตาม ตนขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายธีรยุทธ เคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ยักยอกทรัพย์ และอยู่ระหว่างหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดกระบี่ รวมทั้งคดีเกี่ยวกับเช็ค ส่วนนายจารึก เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาใช้อาวุธปืนพยายามฆ่า ประมาณปี 2549-2550 ศาลพิพากษาจำคุก 15 ปีเศษ แต่ได้รับการลดหย่อนโทษ ก่อนพ้นโทษออกมาเมื่อปี พ.ศ.2558 ซึ่งนายธีรยุทธ และนายจารึก รู้จักกันในเรือนจำ เมื่อนายจารึก พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2558 จึงได้มาเป็นลูกน้องของนายธีรยุทธ ก่อนที่จะมาร่วมก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้น นำตัวนายจารึก ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป