MGR Online - รวบชายเกาหลีพร้อมเมียคนไทยคาอพาร์ตเมนต์ย่านอ่อนนุช หลอกคนไทยผ่านทางสื่อออนไลน์ไปทำงานนวดที่เกาหลีใต้ โดยจะยึดพาสปอร์ต หลอกว่าทำงาน 3 เดือน จะจ่ายเงินให้ แต่ถึงกำหนดกลับนำตัวไปปล่อยลอยแพตามทาง ก่อนจะรับพนักงานชุดใหม่มาทำงาน
วันที่ 15 มี.ค. เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานเขตประเวศ พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์ดสภณ ผบ.ม.1 รอ. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นธน.พล.ม.2 รอ. ร.ท.ระวี เรืองอร่าม หัวหน้าชุด ทก.ชป. พื้นที่ประเวศ แถลงข่าวจับกุม นายคิม ซางยอง (Kim Sangyoung) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ และ น.ส.ปวีณา เปี่ยมไชย อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/39 ซอยวชิรธรรมสาธิต 6 แขวงและเขตบางนา สองสามีภรรยา ได้ที่อาคารเวลธ เทอร์ตี้ อพาร์ทเม้นต์ ซอยอ่อนนุช 30 แขวงและเขตสวนหลวง ในความผิดเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล 16 ประการของ คสช. ข้อ 9 หลวกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ และตามคำสั่งรองนายกฯ ที่ 324/2558 หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายราย ว่า ทั้งคู่มีพฤติกรรมหลอกลวงชายหญิงชาวไทยไปทำงานนวดที่ประเทศเกาหลีใต้แล้วลอยแพ
พ.อ.นพสิทธิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพื้นที่ กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ได้ร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายราย ว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่ได้โฆษณาทางสื่อออนไลน์ ว่า รับสมัครหมอนวดชายหญิงไปทำงานที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมืองปูซาน มีรายรับต่อเดือน 50,000 - 70,000 บาท และสวัสดิการต่าง ๆ เป็นอย่างดี เช่น ที่พัก ค่าข้าว วันหยุด ฯลฯ แต่เมื่อผู้เสียหายรายหนึ่งได้สมัครไปทำงานกลับไม่เป็นอย่างที่โฆษณา เนื่องจากถูกลอยแพ และถูกยึดหนังสือเดินทางไว้ ต้องทำงานทุกวัน ได้รับค่าจ้างเพียง 30,000 บาท เงินเดือน ๆ แรกถูกหักไปกับค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก ค่าอาหารต้องจ่ายเอง นอนรวมกับพนักงานคนอื่น ๆ เมื่อผู้เสียหายหลบหนีออกมาได้ก็รีบเข้าแจ้งให้สถานทูตไทยทราบ ก่อนเดินทางเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหาร
พ.อ.นพสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่พักอาศัยอยู่ที่อาคารเวลธ เทอร์ตี้ อพาร์ทเม้นต์ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นในห้องพัก ในช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่า พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อยู่ในห้องพัก โดยทั้งคู่กำลังเตรียมพาหญิงไทยจำนวน 4 คน เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือเอาไว้ได้ ก่อนควบคุมตัวทั้งสองคนมาสอบปากคำ
นายวิทย์ (นามสมมติ) ให้การว่า เมื่อเห็นโฆษณาก็สนใจเลยสมัครเข้าทำงาน โดยผู้ต้องหาทั้งคู่จัดทำหนังสือเดินทางและวีซ่านักท่องเที่ยวให้ เมื่อเดินทางไปถึงก็จะมีพี่สาวกับน้องชายของนายคิม รอรับพวกตนอยู่ที่ประเทศเกาหลี แต่ตนกลับถูกยึดพาสปอร์ตไว้ ต้องทำงานทุกวันโดยไม่ได้เงินเดือนแต่อย่างใด โดยพี่สาวกับน้องชายนายคิม อ้างว่า จะให้เงินหลังจากทำงานครบ 3 เดือน ทำให้ต้องนำเงินจากค่าทิปนวดมาใช้จ่ายซื้ออาหารกินเอง เมื่อครบ 3 เดือน ตนก็ไปทวงถาม ทั้งคู่กลับบอกว่ายังไม่จ่ายให้อีกทั้งยังพาตนไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง โดยแจ้งว่าจะพาไปทำงานต่อที่อื่น ๆ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงหนีออกมา ก่อนไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทย จนกระทั่งได้เดินทางกลับมา ก่อนเข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหาร
ด้าน น.ส.ปวีณา ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า ก่อนหน้านี้รู้จักอยู่กินเป็นสามีภรรยากับนายคิม มาได้ประมาณ 2 ปี ก่อนที่สามีจะชวนไปทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ร้านนวดที่ประเทศเกาหลีใต้ อยู่ประมาณ 2 เดือน ได้ค่าจ้าง 30,000 บาท และต้องนอนพักกับพนักงานนวดคนอื่น ๆ เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเกิดป่วย สามีจึงพากลับมาที่ประเทศไทยก่อน ส่วนเรื่องจ้างหญิงไทยไปนวดที่ประเทศเกาหลีใต้นั้น ประกาศเชิญชวนตามโซเชียลมีเดีย หากมีใครสนใจก็จะจัดทำพาสปอร์ตกับวีซ่าให้ เมื่อไปถึงประเทศเกาหลีก็จะมีพี่สาวกับน้องชายของสามีคอยรอรับอยู่ ก่อนยึดพาสปอร์ตไว้ เมื่อทำงานครบกำหนด 3 เดือน ก็จะไม่จ่ายเงิน โดยพาออกจากร้านนวดไปปล่อยลอยแพตามทาง ก่อนจะรับพนักงานนวดชุดใหม่มาทำงาน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ทำการสอบปากคำ ก่อนพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดคดีอาญาข้อหาใดบ้าง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป