xs
xsm
sm
md
lg

ภ.1 โชว์ผลงานแถลง 3 คดีรวด รวบมือฆ่าสาว พนง.การท่า รับกิ๊กหยาม ด้านแม่ร้องไห้แทบขาดใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายธณัฐพงษ์  (เสื้อดำ) คดีฆ่าแฟนสาวพนง.การท่า ดอนเมือง
MGR Online - บช.ภ.1 แถลงผลจับ 3 คดีรวด คดีแรก รวบผู้ต้องหาฆ่าแฟนสาวซึ่งเป็น พนง.การท่า ดอนเมือง รับมีปากเสียงเรื่องชู้สาว ก่อนกิ๊กได้ส่งรูปคู่มาหยามจึงรับไม่ได้ สลดมารดาถึงกับเป็นลมด้วยความเสียใจ ส่วนคดีต่อมา จับสาวชาวลาวฆ่าชิงทรัพย์นายจ้าง และคดีสุดท้าย จับ 3 นศ.นครศรีฯ ร่วมกันปล้นแท็กซี่ก่อนลงมือฆ่าโชเฟอร์ 

วันนี้ (13 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เมธี กุลศลสร้าง พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ฐิติ แสงสว่าง ผบก.ภ.จว.สระบุรี แถลงผลการจับกุมคดีอุจฉกรรจ์ระหว่างวันที่ 9-12 มี.ค.59 ซึ่งมีคดีอุฉกรรจ์ที่เกี่ยวกับชีวิต และร่างกาย จำนวน 1 คดี คือ เมื่อวันที่ 12มี.ค. เวลาประมาณ 10.20 น. เกิดเหตุพบศพเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในท้องที่ สภ.เมืองสระบุรี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 18.00 น.

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลาประมาณ 16.35 น. เกิดเหตุฆ่าชิงทรัพย์ในท้องที่ สภ.บ้านแพรก โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. และคดีที่ 3 เมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลาประมาณ 23.30 น. เกิดเหตุนักศึกษาเมา 4X100 แล้วฆ่าแท็กซี่ ในท้องที่ สภ.คลองห้า โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลาประมาณ 05.00 น.

คดีแรก อุ้มฆ่าแฟนสาว

เจ้าหน้าที่แถลงผลการจับกุม นายธนัฐพงศ์ กุลรักษา หรือบิ๊ก อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 838 ถ.เบญจรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จว.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสระบุรีที่ 183/2559 ลงวันที่12 มี.ค.59 ฐานฆ่าผู้อื่น พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งนี่ห้อมาสด้า รุ่น 2 สีเทา หมายเลขทะเบียน กร 8318 นครราชสีมา จำนวน 1 คัน พรมปูพื้นในรถสีดำ พร้อมผ้าคลมเบาะที่นั่งในรถสีดำ-แดง (มีคราบเลือด) จำนวน 1 ชุด กล่องซองบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลบาโร่ สีดำ-ฟ้า จำนวน 1 กล่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นโน้ต 2 สีดำ ใส่ซิมหมายเลข 08-8494-1200 จำนวน 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นซี 5 สีดำ ไม่ใส่ซิมการ์ด จำนวน 1 เครื่อง

พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มี.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า พบศพหญิงสาวอยู่บริเวณทุ่งนาริมถนนเลี่ยงเมือง ถ.หนองปลาไหล-กุดนกเปล้า ม.6 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ คาดว่าศพหญิงสาวดังกล่าวเสียชีวิตมาประมาณ 7 วัน ซึ่งในที่เกดเหตุพบเครื่องแบบเจ้าหน้าที่อากาศยานอยู่ โบสีดำของผู้หญิง และก้นบุหรี่ ภายหลังทราบว่า ผู้ตายชื่อ น.ส.อรพรรณ บุญกล่อม หรือกลอย พนักงานท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ดอนเมือง)

จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากผู้ตายเลิกงาน นายธณัฐพงษ์ แฟนหนุ่ม ที่คบกันหากันมานานกว่า 6 ปี มารับกลับบ้าน จากนั้นไม่มีคนพบเห็นผู้ตายอีก จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสงสัยว่า นายธนัฐพงษ์ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการตาย ทางเจ้าหน้าที่จึงติดตามนายธนัฐพงษ์ ไปที่อนเมืองแมนชั่น

ด้าน นายธนัฐพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. ตนขับรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า รุ่น 2 สีเทา หมายเลขทะเบียน กร 8381 นครราชสีมา มารับผู้ตายที่อาคารผู้โดยสาร 1 สนามบินดอนเมือง จากนั้นพาไปกินข้าว และดูภาพยนตร์กันที่ห้างฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ต่อมาเวลาประมาณ 22.00 น. ขับรถพาผู้ตายไปส่งที่บ้านพักบริเวณ ถ.สรงประภา ซ.ไดรไอซ์ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ซึ่งระหว่างทางมีปากเสียงกันตลอด เพราะตนจับได้ว่าผู้ตายแอบคบหากับชายอื่น จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าปาก ซ.ไดรไอซ์ ตนได้จอดรถคุยกับผู้ตาย และมีปากเสียงกัน ตนจึงใช้มีดพับสีดำ แทงเข้าที่หน้าอกของผู้ตาย 1 ครั้ง แล้วรีบขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้าน จ.นครราชสีมา ระหว่างทางผู้ตายพยายามดิ้นตัวตนจึงใช้มีดแทงเข้าที่ลำตัวอีก 1 ครั้ง จนผู้ตายนิ่งไป แต่ยังหายใจอยู่

เมื่อมาถึงบริเวณ ถ.บายพาส อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวตนจึงโยนโทรศัพท์มือถือของผู้ตายลงข้างทาง แล้วขับรถเข้าไปในบริเวณเนินดินแล้วนำผู้ตายโยนลงจากรถ และกลับมาที่ห้องพัก ก่อนจะนำกระเป๋าถือของผู้ตายที่ประกอบด้วย เอกสารบัตรประจำตัว และทรัพย์สินต่างๆ ไปเผาทิ้งขยะ ใกล้ๆ กองบิน 6 ดอนเมือง และในวันต่อมาวันที่ 6 มี.ค. ตนนำพรมรองเท้าภายในรถที่เปื้อนเลือดมาซักแล้วใส่ถุงก่อนจะไปฝากเพื่อนที่อยู่ภายในคอนโดเดียวกัน และซื้อพรมรองเท้าชุดใหม่มาแทน ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การว่า กำลังจะแต่งงานอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมา ตนและผู้ตายมีปากเสียงบ่อยครั้ง จนถึงขั้นเลิกรา จนกระทั่งผู้ตายย้ายมาทำงาน ตนจึงสงสัยว่าผู้ตายจะมีคนอื่น แต่ผู้ตายปฏิเสธมาโดยตลอด โดยครั้งล่าสุด กิ๊กของผู้ตายได้ส่งรูปคู่มาให้ตนดู ตนจึงไปคุยกับผู้ตาย แต่ผู้ตายปฏิเสธ ตนจึงเอารูปของผู้ตาย และกิ๊กให้ดู ก่อนที่ผู้ตายจะด่าทอ และมีปากเสียงกันตลอด จนกระทั่งลงมือแทงผู้ตาย และนำศพไปทิ้งบริเวณดังกล่าว

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น บิดา และมารดาของพนักงานอากาศยานดอนเมือง เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ให้แก่ ผบช.ภ.1 ระหว่างนั้นมารดาของผู้ตายร้องไห้ และหน้ามืดล้มลงไป ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนต่อไป

ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองสระบุรี ได้นำตัวนายธนัฐพงษ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งสิ้น 5 จุด ประกอบไปด้วย จุดแรกที่บริเวณปากซอยสรงประภา 1 แยก 4-1 หรือซอยสวรรณี 2 แขวง/เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นจุดที่นายธนัฐพงษ์ ได้จอดรถคุยกับผู้ตายจนมีปากเสียงกัน ก่อนที่คนร้ายจะใช้มีดพับสีดำ แทงเข้าที่หน้าอกของผู้ตาย 1 ครั้ง และได้ขับรถมุ่งหน้าออกไปที่ จ.นครราชสีมา

จุดที่สอง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวได้นายธนัฐพงษ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างซอยสรณคมน์ 7และ 9 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง โดยเป็นจุดที่หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้สวมรอยเล่นเฟซบุ๊กของผู้ตาย เพื่อคุยกับเพื่อนๆ ว่าผู้ตายมีแฟนใหม่ชื่ออาร์ท และปลอดภัยดีไม่ได้เป็นอะไร

และจุดที่สาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปพงหญ้า ภายใน ซ.เทิดราชัน 9 ถ.เทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาให้การว่า หลังจากทิ้งศพผู้ตายแล้ววันต่อมาก็ได้นำกระเป๋าถือของผู้ตาย ที่ประกอบด้วย เอกสาร บัตรประจำตัว และทรัพย์สินต่างๆ ไปเผาทิ้งขยะที่พงหญ้าดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทำการชี้จุดนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณพงหญ้าดังกล่าวก็พบเศษเหรียญ เพาเวอร์แบงก์ สายชาร์จโทรศัพท์มือถือ และน้ำหอมของใช้ส่วนตัวที่เชื่อว่าน่าจะเป็นของผู้ตายที่ถูกผู้ต้องหานำมาเผาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้นำเก็บไว้เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ ก่อนนำตัวไปชี้จุดทิ้งศพ และอาวุธมีดโทรศัพท์ ในพื้นที่จังหวัดสระบุรีต่อไป
นายธณัฐพงษ์  (เสื้อดำ) คดีฆ่าแฟนสาวพนง.การท่า ดอนเมือง
คดีที่ 2 ฆ่าชิงทรัพย์

เจ้าหน้าที่หน้าแถลงผลการจับกุม น.ส.นา (นามสมมติ) สัญชาติลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลขที่ 138/2559 ลงวันที่ 10 มี.ค.59 ฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมด้วยของกลาง เงินสด 9,000 บาท โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง และไอแพด จำนวน 1 เครื่อง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุบริเวณร้านขายของชำ สยามสมาร์ท เลขที่51 ม.2 ต.สำพะเนียง อ.บ้านแพรก จว.พระนครศรีอยุธยา พบผู้ตายคือ นางเกศินี ชูตระกูล อายุ 55 ปี ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต

จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายคือ น.ส.นา เป็นลูกจ้างสัญชาติลาวที่จ้างมาทำงาน 5 วัน ใช้อาวุธมีด และถังแก๊สปิคนิคทำร้ายร่างกายนางเกศินี จนเสียชีวิต แล้วเอาเงินสดไปประมาณ 4-5 หมื่นบาท แล้วหลบหนีโดยใช้รถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ต่อมา วันที่ 10 มี.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัว น.ส.นา ได้ที่ห้องเช่าเขตคลองเตย กทม. และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพรก ดำเนินคดีต่อไป

และคดีที่ 3 จับกุม นศ.ฆ่าคนตาย

เจ้าหน้าที่แถลงผลการจับกุม นายณัฐวิทย์ เรืองฤทธิ์ หรือโอม อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอัครวัฒน์ แก้วสอน หรือกอก อายุ 19 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายภวัต สงแสน หรือรุต อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด พร้อมของกลางอาวุธมีดแบบตะเกียบ เหตุเกิดที่บริเวณวินรถแท็กชี่หน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลาประมาณ 23.30 น.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า ได้รับแจ้งว่า บริเวณดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ รพ.ธัญบุรี ทราบชื่อผู้ตายคือนายชัยสิทธิ์ แซ่จู หรือหม่อน อายุ 35 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่คอ และด้านหลัง 2 แผล และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายพงษ์ศักดิ์ ทวีเขตกรณ์ หรือตุ๊ อายุ 37 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีที่คอด้านหน้า 1 แผลอาการสาหัส

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายณัฐวิทย์ และนายอัครวัฒน์ ส่วนนายภวัต เป็นผู้ช่วยพาคนก่อเหตุหลบหนี จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้พร้อมอาวุธมีด ชั้นสอบสวน นายณัฐวิทย์ และนายอัครวัฒน์ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เจตนาร่วมกันฆ่า ส่วนนายภวัต ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ คดีอุฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาค 1 มีอยู่ 13 คดี ซึ่งเกิดจากแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างทราบว่า ขณะนี้รัฐบาลมีการต่ออายุบัตรประจำตัวคนต่างด้าว (บัตรสีชมพู) เพิ่มเป็น 2 ปี จึงขอให้นายจ้างถ่ายรูปลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าวเอาไว้เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น