xs
xsm
sm
md
lg

ทนายวัดปากน้ำหอบหลักฐานพบดีเอสไอ ยืนยัน “สมเด็จช่วง” บริสุทธิ์ ถามกลับไม่จัดการเจ้าของอู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
MGR Online - ทีมทนายวัดปากน้ำหอบหลักฐานเข้าพบ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ ยัน “สมเด็จช่วง” บริสุทธิ์ เพียงเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองของผู้บริจาค พร้อมทำหนังสือคืนผู้บริจาคแล้ว โบ้ยดีเอสไอถามไม่จัดการผู้จดประกอบ-ผู้เสียภาษี พร้อมฟ้องแพ่งนายวิชาญเจ้าของอู่ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน

วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสมศักดิ์ โตรักษา พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และทีมงาน เดินทางเข้ายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดยืนยันว่าสมเด็จช่วงบริสุทธิ์แน่นอน และข้อมูลไม่พบความผิด โดยวัตถุประสงค์ของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ณ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล บริเวณชั้น 1 เพื่อจัดแสดงสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้แต่ละยุคแต่สมัยให้สาธุชนและประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมเพื่อการศึกษา ซึ่งเครื่องมือเครื่องใช้ของโบราณ เช่น สมุดข่อย เครื่องมือการเกษตร ภาพถ่าย และอื่นๆ รวมไปถึงรถโบราณอีก 3 คัน โดยผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้เมื่อปี 2554 ต่อมา วันที่ 1 ส.ค. 2556 ทางวัดได้ไปแจ้งกรมการขนส่งขอยกเลิกใช้รถเบนซ์คันดังกล่าวพร้อมนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสมเด็จช่วงได้ดำเนินการนำรถคันดังกล่าวมอบคืนให้ผู้บริจาคโดยไม่ประสงค์ให้อยู่ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ขณะนี้ได้ฝากไว้ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านก่อนเพื่อทำการมอบคืนแก่ผู้บริจาคต่อไป ส่วนการซื้อขายและดำเนินการเกี่ยวรถยนต์นั้นสมเด็จช่วงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใด เพียงแต่มีลายเซ็นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค

ด้านนายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีรถเบนซ์คันดังกล่าวมีผู้มีจิตศรัทธาถวายร่วมกันหลายคนและไม่เคยนำรถคันดังกล่าวออกใช้งานตั้งแต่ซื้อมาจากอู่นายวิชาญ รัษฐปานะ ที่รับจดประกอบรถ โดยผู้มีจิตศรัทธาตั้งใจซื้อจึงติดต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญก็คืออู่นายวิชาญ ซึ่งเป็นกรรมการบริหารฝ่ายกิจกรรมสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย และขายรถโบราณหลายคันให้แก่ผู้ที่สนใจ ส่วนกรณีนี้พระไม่รู้เรื่องและตกเป็นเหยื่อการขายรถ ซึ่งรถยนต์ถูกหรือผิดเป็นหน้าที่ของผู้ขายเอง

“รถคันนี้ทางผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันซื้อมาในราคา 4 ล้านบาทตามราคาท้องตลาดก่อนส่งมอบให้วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ โดยทางเขตภาษีเจริญได้ขออนุญาตใช้พื้นที่วัดจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ต้องกลับไปถามดีเอสไอทำไมไม่ดำเนินการคดีกับคนขายทั้งเป็นผู้จดประกอบและเสียภาษีไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางวัดได้ดำเนินการฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งต่อนายวิชาญ รัษฐปานะ ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 59 คดีดำที่ ส 359/2559” นายสุรพงษ์กล่าว

พ.ต.ต.วรณันเปิดเผยว่า วันนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ตนมารับเรื่องแทน โดยเบื้องต้นได้รับเอกสารจากทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก่อนจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาตามขั้นตอนการรับเรื่อง พร้อมแนะนำให้ทีมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนสำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ เพื่อให้ข้อมูลและดำเนินการลำดับต่อไป


















 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น