xs
xsm
sm
md
lg

จับตาเมื่อ “สัญญาณเตือน” ถูกตอบกลับด้วย “สัญญาณรบ” พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป คนสนิทป๋า “ปะทะ” พล.อ.ค้าเก้าอี้นายพลตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จับตาเมื่อ “สัญญาณเตือน” ถูกตอบกลับด้วย “สัญญาณรบ” กรณี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป คนสนิทป๋า “ปะทะ” พล.อ.ค้าเก้าอี้นายพลตำรวจ สตช.ออกหมายเรียกเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนดำเนินคดี / กลายเป็นเรื่อง!!?? ทีมพี.อาร์. สตม.อลเวง “สื่อเสี้ยม” ให้ชน “บิ๊กแป๊ะ"

“ทุกคนได้ยินในสิ่งที่คุณพูด เพื่อนๆจะรับฟังในสิ่งที่คุณพูด แต่เพื่อนแท้จะรับรู้ได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เอ่ยมันออกมา”....สวัสดีครับ พบกับ “บิ๊กเกรียน”สัปดาห์ปลายเดือนแห่งความรัก ท่ามกลางปัญหาภัยแล้ง เศรษฐกิจตกสะเก็ดและอาการป่วยไข้ทางความรู้สึกของข้าราชการตำรวจหลายนาย ประเดิมด้วยปฏิบัติการอาทิตย์อัสดง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิตพรมณกุล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ออกหมายเรียกพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย (สปช.)และอดีตหัวหน้าสำนักงานรัฐบุรุษ เป็นอดีตนายทหารที่มีความสนิทสนมกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และประธานการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ให้มารับทราบข้อหากระทำผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ในวันที่ 10 มี.ค.2559ที่กองปราบปรามฯ.....อื่มมม....จากเรื่องไม่เป็นเรื่องกำลังจะกลายเป็นเรื่องแล้วไง.....งานนี้อาจจะจบด้วยการโยนให้มือแฮ็ก แต่ระหว่างทางการสอบสวนดำเนินคดีไม่รู้จะสะดุดกับอะไรบ้างเพราะ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป มิใช่ทหารนอกราชการธรรมดา หรือมิใช่ประเภท “ตะเกียงขาดไส้” บทบาทที่ผ่านมาโดยเฉพาะการเป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน”เรื่องปฏิรูปตำรวจโดยให้แยกพนักงานสอบสวน และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วขึ้นตรงต่อกระทรวงยุติธรรม....

00000.....”บิ๊กเกรียน”ขอทบทวนความจำช่วงสั้นๆก่อน “เรือแป๊ะ”ลำแรกล่มไม่เป็นท่าเกิดปรากฏการณ์รวมตัวของข้าราชการตำรวจสายสอบสวนในนาม “สหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ”ร่วมกันลงนามยื่นต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อลงรายละเอียดต่างๆบรรจุในรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ(ไทย)และปฏิรูปตำรวจ(ไทย) การเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความคึกคักแต่เมื่อ “เรือแป๊ะ”ไปไม่ถึงฝั่งถูกล่มลงก่อน “ความฝัน”แยกตัวออกจาก สตช.จึงเป็น “ฝันค้าง”ก่อนมาแท้งกลายเป็น “ฝันร้าย”ด้วยมาตรา 44 ตามคำสั่งที่ 6/2559 และ 7/2559 .....”ปฏิรูปตำรวจ”จึงเป็นเพียงการ “ผายลม”มีให้สัมผัสแค่กลิ่นแต่จับต้องไม่ได้....แม้ฝ่ายสีกากีจะชี้นำสังคมว่าการแยกการสอบสวนออกไปจะเกิดความไม่สะดวก แต่เป็นเหตุ-ผลที่น่อมแน้มไม่สมคุณค่ากับราคาคุยในยุคคนดีนำการปฏิรูปประเทศ(ไทย) เพราะปัญหาของตำรวจไทยคือใหญ่โต เทอะทะไม่สามารถตอบสนองปัญหาต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ....ที่สำคัญคือตำรวจถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ.....

00000.....เมื่อผู้มีอำนาจกลับไม่เห็นดีเห็นงาม แถมย้อนยุค “ถอยหลัง-ยุบแท่งงานสอบสวน” ต่อไปนี้สังคมตำรวจจะมีอิสระกันมากขึ้น ใครไคร่วิ่ง-วิ่ง จากสายสอบสวนกระโดดไปเป็นสายสืบสวน สายปราบปราม สายจราจร สายอำนวยการ ว่ากันอย่างหนุกหนาน ทั้งที่ความเป็นจริง “สายสอบสวน”ต้องเป็นผู้มีความชำนาญ และมีความอิสระ เมื่อยุบรวมเป็นเนื้อเดียวกันโอกาส “มั่ว”และ “เมามัน”ในอำนาจต้องเกิดขึ้นแน่เพราะบรรยากาศมันเป็นใจให้ “ผล”ของการตัดสินใจของผู้มีอำนาจครั้งนี้นอกจากประชาชน และตำรวจในส่วนงานสอบสวน ที่เขาไม่เต็มใจรับกติกาใหม่จะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้วยัง “ขวาง” การปฏิรูปตำรวจ (ไทย) จนไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้....พ.ต.อ.ภรภัทร เพ็ชรพยาบาล ประธานสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ต้องถอยกรูดประกาศวางมือยุติการเคลื่อนไหว พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ เลขาธิการสหพันธ์ฯ ยอมพลีชีพสังเวยคำสั่ง 6-7/2559 ด้วยการแขวนคอตาย....ต่อต้านกันขนาดนี้แต่ผู้มีอำนาจกลับไม่แยแส........

00000.....คำตอบของการไม่ยอมปล่อยพนักงานสอบสวนสู่กระทรวงยุติธรรม หรือแยกตัวเป็นอิสระ จึงมีเหตุผลหลักอยู่ที่ “อำนาจ”ที่มีคนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์.....ท่วงทำนองของตำรวจกลุ่มหนึ่งที่ก่อหวอด “ต้าน” อยู่ในอาการเจียนอยู่เจียนไปนั้น ชื่อของพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนดังออกมาปรากฏเป็นข่าว...การส่งข้อความผ่านแอพพิเคชั่นไลน์ เปิดชื่อหัวหน้าขบวนการซื้อขายเก้าอี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในจังหวะแบบนี้ย่อมไม่ธรรมดาโดยทางหนึ่งมีผู้มองว่าข้อกล่าวหา พล.อ. ซื้อ-ขายเก้าอี้ เป็นสัญญาณที่ส่งลงมาเตือน แต่สัญญาณเตือนดังกล่าวกลายเป็น “สัญญาณรบ”โดยขอให้ดูการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการออกหมายเรียกเพื่อดำเนินคดีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ย่อมไม่ธรรมดามากยิ่งกว่า !!?? จนเป็นประเด็นร้อนแรงประจำสัปดาห์ เกิดกระแสวิจารณ์กันไปถึงว่า หรือนี่คือการประลองยุทธก่อนเปิดสงครามใหญ่ ที่ทุกฝ่ายต้องเฝ้าดูด้วยใจระทึก

00000.....จากเรื่อง “ฮ็อต”ระดับประเทศ “บิ๊กเกรียน”ขอทำหน้าที่ “แมลงวันตอมแมลงวัน” สักครั้ง หากท่านผู้อ่านติดตามข่าวคราวในแวดวงตำรวจ อาจจะสังเกตเห็นว่าห้วง 3-4 เดือนที่ผ่านมามีนายตำรวจคนหนึ่งที่กลายเป็นที่รู้จักของสังคมไทยอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับผลงานต่างๆรวมทั้งด้านบริการประชาชนอย่างเพียบพร้อม นายตำรวจที่ว่าคือพล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. “ผลงาน”แน่นอนว่ามาจากความสามารถของ “บิ๊กณัฐ”ล้วนๆแต่ไงต้องไม่ลืมยกเครดิตให้กับทีม พี.อาร์.หรือทีมประชาสัมพันธ์ที่อยู่เบื้องหลัง...รวมทั้งพล.ต.ท.วรเทพ เมธาวัฒน์ นายตำรวจนักประชาสัมพันธ์ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังอุตส่าห์โดดเข้ามาช่วยแต่งช่วยปั้นจนเกิดความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง “ความสำเร็จ”ที่ว่า “บิ๊กเกรียน”มิได้มโน หรือเพ้อเจ้อว่าไปเองแต่ให้ดูพื้นที่ข่าว ไม่ว่าสื่อกระดาษ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ วันๆมีแต่ข่าวสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มากบ้างน้อยบ้างแต่มีทุกวัน.....กระทั่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เห็นความสำเร็จนี้จึงชวน “บิ๊กณัฐ”ให้เข้ามาร่วมงานในฐานะ “รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

00000......วันก่อนมีงานสัมมนาที่ จ.นครพนม พล.ต.ท.วรเทพ เมธาวัฒน์ นายตำรวจรุ่นพี่ “บิ๊กณัฐ”ได้รับเกียรติจากเจ้าของงานให้ขึ้นกล่าว แนะนำหลักการของนักประชาสัมพันธ์ “เสี่ยตุ้ม”ยกความสามารถทีม พี.อาร์ สตม.ว่ามีผลงานประชาสัมพันธ์ดีเยี่ยมมากกว่าทีม พี.อาร์.ของ ผบ.ตร.เสียอีก.....เท่านี้แหละ “งานเข้า”มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายนำไปบอกต่อ “ตัดต่อ”คำพูดกลายเป็นว่า “บิ๊กณัฐ”มีผลงานมากกว่า “บิ๊กแป๊ะ”.....แค่สังคมซุบซิบหาก “บิ๊กตำรวจ”เข้าใจผิดอะไรจะเกิดขึ้น วันต่อมามีเหยี่ยวข่าวดังหยิบไปเขียนตอกซ้ำลงอีกดอก จากเรื่องเล็กทำท่าจะเป็นเรื่องใหญ่ “บิ๊กเกรียน”เหยี่ยวแก่ แต่ใจยังหนุ่มขอหยิบเรื่องเล็กๆ เรื่องขี้หมาขี้แมวไปให้ “ผู้ยิ่งใหญ่”ได้มองอย่างรอบด้าน ประการแรก “ เสี่ยตุ้ม”คือใคร เขาคืออดีตนายเวรฯพล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อธิบดีกรมตำรวจ มาก่อน เป็นนายเวรฯรุ่นพี่ “บิ๊กแป๊ะ”ที่เข้ามาสวมรอยต่อก่อน อ.ตร.พจน์ ถูกปลดไม่นานนัก ฉะนั้นความเป็นพี่เป็นน้อง ความสนิทชิดเชื้อย่อมมีอยู่ ส่วนคำพูดที่ “หลุด”ออกมาถ้าเปิดใจกว้าง “บิ๊กแป๊ะ”พอมองเห็นอะไรไหม.... แม้อุปนิสัย ผบ.ตร.ไม่ชอบการตีปี๊บ-ประโคมข่าว แต่เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำหน่วยของแบบนี้มันจำเป็น...หากเปิดใจกว้าง ไม่หยุมหยิม “เวลาใหญ่ไม่ลืมเล็ก เวลาอิ่มไม่ลืมหิว”แบบนี้ต่างหากที่นักเลงเรียกพี่

00000.....บ่งตง “บิ๊กเกรียน”เสียดายแทน สตม.หาก “เสี่ยตุ้ม”จะเก็บข้าวของเดินกลับบ้านซึ่งคราวนี้สมควร ได้เวลาเปิดบริษัทโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย นี่แหละหนาโบราณเขาจึงว่า “ดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัยตัวเอง”....ตบท้ายที่อยากพูดถึงก็คือเรื่องอิทธิพลสื่อในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง....สื่อคนไหนคือ “ขาใหญ่”ประจำสวนพลู ตำรวจ ตม.รู้กันทุกคน “ฝังตัว”มานานนับ 10 ปีรู้ทุกเม็ด เสร็จทุกเรื่อง หากใครไม่ก้มหัวให้ไม่ช้าไม่นานโดนนำไปเขียนประจาน.....แน่นอนทุกสังคม ทุกวงการ มีทั้งคนดีคนเลว ตำรวจก็มีดีมีเลว นักข่าวมีดีมีชั่ว รวมทั้งดีๆชั่วๆ แต่สื่อบ้าอำนาจ สื่อ “ตบทรัพย์”มีพฤติการณ์เลวร้ายแต่ชอบอ้างเป็นคนดี สื่อแบบนี้ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง หรือในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ราคาก็ถือว่าเป็นความซวยขององค์กร และประเทศชาติ...
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น