MGR Online - ตามรอยรถเบนซ์คลาสสิก ขม 99 ตามผังการสืบสวนของดีเอสไอ แจงความผิด ข้อพิรุธละเอียดยิบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การนำเข้า - จดประกอบ - เสียภาษี - จดทะเบียน ก่อนในที่สุดตกมาถึงมือของเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
จากกรณีเช้าวันนี้ (18 ก.พ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ โบราณ เลขทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยชี้ว่า ตามขั้นตอนปกติ รถจดประกอบต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายจำนวน 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ขั้นตอนการนำเข้า, การจดประกอบรถ, การเสียภาษีสรรพสามิต และการจดทะเบียน ซึ่งรถเบนซ์คันนี้ก็เข้าข่ายการทำความผิดทั้ง 4 ขั้นตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ทั้งยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารปลอม
จากแผนผังที่ดีเอสไอนำมาแสดง ระบุว่า ใน กระบวนการนำเข้า จากสหรัฐอเมริกา และเข้าสู่เมืองไทย ที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยบริษัท ODD 89 Enterprises มีปัญหาตั้งแต่แรก เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏในใบ Invoice เลขที่ CGC-2010-08 ไม่ตรงกับข้อมูลของใบตราส่ง (B/L) เลขที่ OOLU1021025860 คือ รายการสินค้า จำนวนชนิดหีบห่อไม่ตรงกับตามใบตราส่งและรายละเอียดค่าระวางเรือ และรายละเอียดสินค้าตามที่ปรากฏในใบขนสินค้าเลขที่ A020 0-5310-05086 ก็ไม่ตรงกับข้อมูลที่ปรากฏในใบตราส่ง (B/L) เลขที่ OOLU1021025860 มีเพียงรายการที่ 3 ในใบขนสินค้าฯ ชนิดสินค้าที่สำแดงเป็น “แผ่นอะลูมิเนียมเก่าที่ใช้แล้ว” เท่านั้นที่ตรงกับใบตราส่ง นอกนั้นไม่มีรายการใดตรงเลย
ทั้งนี้ รถจดประกอบนั้นโดยปกติจะเป็นการประกอบกันระหว่าง 3 ส่วน คือ โครงตัวถัง เครื่องยนต์ และส่วนควบอุปกรณ์ โดยเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 นั้น สองส่วนแรกคือ โครงตัวถัง มูลค่า 120,000 บาท และเครื่องยนต์ มูลค่า 60,000 บาท นำเข้ามาและซื้อขายกัน ณ วันที่ 10 ก.พ. 2554 ส่วนควบอุปกรณ์มูลค่า 78,110 บาท แจ้งว่า ใช้ของ หจก.สายชลมอเตอร์ โดยทำการซื้อเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2554 แต่เมื่อดีเอสไอตรวจสอบกลับพบว่า หจก.สายชลมอเตอร์ ไม่มีในสารบบ
จากนั้นในขั้นตอนของ การจดประกอบ ก็อ้างว่า จดประกอบที่ บจ.เอ็น.พี.การาจ ซึ่งเมื่อตรวจสอบที่ตั้งแล้วเป็นอู่ประกอบกิจการเคาะ พ่นสียานยนต์ ไม่มีการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถยนต์ขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่า ขณะที่เจ้าของกิจการก็ให้การว่าไม่เคยรับจดประกอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 และไม่เคยเห็นรถยนต์คันนี้มาก่อน ส่วนเอกสารที่อ้างทั้งหมดนั้นถูกปลอมแปลงลายมือชื่อ
นอกจากนี้ ยังมีการอ้างอีกว่า ในการจดประกอบนั้น ดำเนินการโดย หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท ซึ่งเจ้าของกิจการก็ยืนยันว่าถูกปลอมแปลงเอกสาร เพราะกิจการที่ทำนั้นเป็นโกดังเก็บสินค้า ได้เลิกกิจการมานานแล้ว และไม่มีการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถยนต์ขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่า ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่ารถยนต์คันนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการด้านอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง และทุกอย่างใช้เอกสารอันเป็นเท็จทั้งสิ้น
ในขั้นตอนของ การเสียภาษีสรรพสามิต เอกสารที่ส่งไปยังกรมสรรพสามิตก็เป็นเอกสารปลอมทั้งหมด โดยระบุมูลค่าสินค้า 570,000 บาท อัตราภาษีร้อยละ 40 และมีการชำระภาษีมูลค่า 250,800 บาท แบ่งเป็นภาษีสรรพสามิต 228,000 บาท และภาษีเก็บเพิ่มเพื่อมหาดไทย 22,800 บาท อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้ตั้งข้อสังเกตว่า แบบรายการภาษีสรรพสามิตไม่มีการบันทึกข้อความลงในช่องรายการต่าง ๆ ทุกรายการ ที่ต้องบันทึกโดยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตแต่อย่างใด
ต่อมาในขั้นตอนของ การจดทะเบียน ได้มีการว่าจ้างนายสมนึกให้ดำเนินการ แต่เอกสารที่ไปขอจดทะเบียนกลับเป็นการกรอกเองทั้งหมด และมีการปลอมลายมือชื่อ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของวิศวกรได้รับอนุญาต วก.75 รับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถยนต์ ในส่วนสำเนาบัตรใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของผู้รับอนุญาต ไม่ปรากฏรายละเอียดใด ๆ บนบัตร และลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องแต่ละตำแหน่งก็ไม่เหมือนกัน
ส่วนเอกสารที่มีลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ ถูกปลอมลายมือชื่อ XXXX ผู้รับมอบอำนาจทั้งสองฝ่ายให้การรับว่า เป็นผู้ลงลายมือชื่อแทน XXX ในหนังสือมอบอำนาจ ส่วนลายมือชื่อของสมเด็จฯ มีการลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจมาก่อนแล้ว
“ตรงนี้ชัดเจนว่าใช้เอกสารปลอมเกือบทั้งหมด ได้พิสูจน์ทราบมาในเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะคนจดทะเบียนมาบอกเลยว่า ได้รับเอกสารมาจากคนที่ไปเสียสรรพสามิต ก็ใช้เอกสารปลอมไปเสีย หลังจากใช้เอกสารปลอมไปเสีย ก็เอาเอกสารปลอมมากรอกข้อความ เซ็นชื่อเอง ขอจดทะเบียน” ดีเอสไอชี้แจงความผิดปกติในขั้นตอนทั้งหมดของการจดทะเบียนรถเบนซ์ ขม 99 ซึ่งสุดท้ายอยู่ในชื่อการครอบครองของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ!!!