อดีต จนท.ราชทัณฑ์ ร้องรองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังตกเป็นแพะคดีข่มขืนแหม่มแคนาดา

MGR Oline - อดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ขอความเป็นธรรมรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตกเป็นแพะคดีข่มขืนแหม่มชาวแคนาดา หลังถูกตำรวจ สภ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ตามจับถึงบ้านพักย่านนนทบุรี เผย ไม่เคยเดินทางไป จ.ภูเก็ต เลยสักครั้ง ซึ่งรถคันก่อเหตุโดนสวมทะเบียนได้ขายไปตั้งแต่ปี 2549 ขณะที่ “พ.ต.อ.ดุษฎี” เผย เตรียมสอบกรมขนส่ง จ.นราธิวาส เนื่องจากมีการเปลี่ยนการจดทะเบียน

วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ชั้น 8 สำนักปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ แจ้งวัฒนะ นางถนอมจิตต์ จั่นทอง อายุ 75 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 8 ประจำทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว พร้อมด้วย นายสฤษดิ์ จั่นทอง อายุ 41 ปี บุตรชาย นางพรทิพย์ จั่นทอง อายุ 43 ปี ลูกสะใภ้ และ น.ส.วิยดา จั่นทอง อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เดินทางขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลัง นายสฤษดิ์ ตกเป็นแพะคดีร่วมกันพยายามข่มขืนสาวชาวแคนาดา ที่ จ.ภูเก็ต โดยเหตุเกิดตั้งแต่ 2551 แต่ตำรวจ สภ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ตามมาจับกุมถึงบ้านพักย่าน จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2558

นายสฤษดิ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยเดินทางไป จ.ภูเก็ต เลยสักครั้ง แต่เท่าที่ทราบน่าจะมาจากทะเบียนรถแท็กซี่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ โดยรถยนต์คันดังกล่าวยี่ห้อโฮลเด้น (Holden) ทะเบียน กบ 2078 นนทบุรี ซึ่งตนขายไปให้ผู้อื่นตั้งแต่ปี 2549 ราคาประมาณ 40,000 บาท โดยเซ็นโอนลอยไป และไม่ได้ระบุชื่อผู้ซื้อ หลังจากขายรถไปแล้วตนไม่ทราบเลยว่ารถไปอยู่กับใคร จนกระทั่งถูกตำรวจ สภ.กระทู้ จ.ภูเก็ต จับกุมภายในบ้านพักก่อนพาตัวไป สภ.กระทู้ นอกจากนี้ ตำรวจถามเพียงแค่ว่าชื่อ นายสฤษดิ์ จั่นทอง ตามหมายจับใช่ไหม เลยตอบว่าใช่

นายสฤษดิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมา ตนถูกคุมขังอยู่ที่ สภ.กระทู้ ทำให้แม่กับพี่สาวเดินทางมา จ.ภูเก็ต ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ช่วยประกันตัวออกมา จากนั้นได้พบ นายสมเกียรติ พรพรหมมา ทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานบ้านกฎหมายและธุรกิจ ที่ อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นอดีตทนายความให้กับ นายอำนาจ ชูเดช ลูกความที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับตนด้วย อีกทั้งในสำนวน นายอำนาจ ผู้ต้องหาอีกคนก็ได้ให้การว่าไม่รู้จักกับตนเลย ฉะนั้น จะเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ได้อย่างไร จึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม

ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้คณะทำงานตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ตั้งแต่ตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบก จ.นนทบุรี และ กรมการขนส่งทางบก จ.นราธิวาส เนื่องจากทราบว่า นายสฤษดิ์ ได้ขายรถไปตั้งแต่ปี 2549 จากนั้นรถถูกขายต่อไปอีกหลายทอด และมีการเปลี่ยนทะเบียน จ.นนทบุรี เป็น จ.นราธิวาส เรียบร้อยแล้ว ก่อนผู้ต้องหาตัวจริงจะนำไปก่อเหตุ โดยคดีนี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม สั่งการให้ตนลงมาดูด้วยตัวเอง เพราะท่านมีนโยบายให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคนให้มากที่สุด