การแต่งตั้ง “สว.-รองผบก.”ครั้งนี้ มีแนวทางการแต่งตั้งบางประเด็นน่าสนใจ และกำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในแวดวงสีกากี คือ การเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นข้ามกองบัญชาการได้ โดยต้องขออนุมัติ ก.ตร. ในการยกเว้นหลักเกณฑ์เป็นรายกรณีไป เหมือนเป็นการ “เปิดช่อง” ให้เด็กเส้น เด็กสาย ได้เติบโตหรือไม่???
การแต่งตั้ง “นายพัน” สีกากี ระดับ “สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.)” ประจำปี 2558 ที่ข้างเติ่งมาข้ามปี มีความชัดเจนแบบไม่ต้องคาดเดา หรือลุ้นระทึกจะเริ่มทำเมื่อไหร่ ต้องขยายระยะเวลาการแต่งตั้งออกไปอีกหรือไม่ หลังจาก”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่“กรมปทุมวัน” ส่งหนังสือแจ้งเวียน สั่งให้ทุกกองบัญชาการเริ่มทำบัญชีแต่งตั้งกันแล้ว ตามปฏิทินการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพัน”แม่ทัพใหญ่สีกากีกำหนดให้กองบัญชาการ(บช.) หรือ กองบังคับการ(บก.) ในสังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สง.ผบ.ตร.) จัดส่งบัญชีข้อมูลประกอบการแต่งตั้งตำรวจระดับ สว.-รอง ผบก. ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559
กรณีข้าราชการตำรวจที่จะต้องนำเสนอ ก.ตร. พิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบให้เสนอ ตร. ผ่านสำนักงานกำลังพล(สกพ.) ภายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 ส่วนกองบัญชาการที่ไม่ได้สังกัด สง.ผบ.ตร. ให้แต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้เสร็จสิ้น และมีคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกันทุกหน่วยในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 มีผลใช้บังคับพร้อมกัน 1 มีนาคม 2559!!!
ที่ชัดเจนอีกประเด็นหนึ่ง คือ หลักเกณฑ์การแต่งตั้งที่จะนำมาใช้ในการแต่งตั้งครั้งนี้ จะใช้การจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและผู้ไม่เหมาะสม ตาม กฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ สว. ถึง จตช. และ รอง ผบ.ตร. พ.ศ.2549 ควบคู่คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 44/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจหรือการใช้หลักเกณฑ์เก่าในการแต่งตั้งระดับ “สว.-รองผบก.” ประจำปี 2558 ยังไม่ใช้
กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2559 หรือหลักเกณฑ์แต่งตั้งใหม่ ที่มีความพยายามผลักดันให้ใช้ทันทีทันใด ก่อนจะถูกตีตกมา 2 ครั้ง 2 ครา ในวงประชุม ก.ตร. และวงประชุม รองผบ.ตร. ที่ผ่านมา เพียงแต่การแต่งตั้ง “สว.-รองผบก.”ครั้งนี้ มีแนวทางการแต่งตั้งบางประเด็นน่าสนใจ และกำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในแวดวงสีกากี คือ การเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นข้ามกองบัญชาการได้ โดยต้องขออนุมัติ ก.ตร. ในการยกเว้นหลักเกณฑ์เป็นรายกรณีไป
เป็นการ “เปิดช่อง” ให้เด็กเส้น เด็กสาย ได้เติบโตหรือไม่??? เพราะแม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะออกตัวล้อฟรีก่อนว่า การแต่งตั้งครั้งนี้จะต้องมีการเยียวยาข้าราชการตำรวจกว่า 100 นาย ที่ร้องทุกข์เรื่องการแต่งตั้งวาระก่อน ๆ โดยกลุ่มนี้บางรายต้องขอยกเว้นหลักเกณฑ์ ก.ตร.จึงหารือจะให้มีการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นข้ามกองบัญชาการได้ เนื่องจากในบางหน่วยมีผู้มีตำแหน่งระดับรองจำนวนมาก ขณะที่ตำแหน่งที่ว่างในระดับสูงขึ้นมีน้อย
“อย่างใน บช.น. มีผู้มีตำแหน่งรองจำนวนมาก ขณะที่ บช.ภ.4มีรองฯ น้อย ก็ต้องเอาที่บช.น. ไปขึ้นข้ามหน่วย ตรงนี้เป็นเรื่องการบริหารคน อย่ามองว่าเป็นการไปปิดหัว” แต่การเลือกใช้วิธีแต่งตั้งตำแหน่งสูงขึ้นข้ามหน่วย เพื่อเปิดตำแหน่งให้ว่างรองรับการเยียวยา เป็นการแก้ปัญหา อย่างเหมาะสม เป็นธรรมกับทุกฝ่ายหรือไม่ เพราะแม้พล.ต.อ.จักรทิพย์อ้างเรื่องการบริหารงานบุคคล
ไม่ใช่การปิดหัว ทว่าในความเป็นจริง การออกไปขึ้นข้ามหน่วยก็คือการไปปิดหัวคนในหน่วยนั้นๆ แล้ว “ตำรวจ” ที่อยู่หน่วยนั้นๆ อย่างที่ ผบ.แป๊ะ ยกตัวอย่าง บช.ภ.4 ตำรวจภาค 4ที่ครบเกณฑ์ได้รับการแต่งตั้งสูงขึ้นมีความผิดตรงไหน ถึงต้องเสียโอกาสในการเติบโต ต้องมาร่วมรับผิดชอบกับการบริหารงานบุคคลของกองบัญชาการอื่นที่ผิดพลาดต้องมีการเยียวยาตำแหน่งคืน
การเยียวยาตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา ตามคำสั่ง อนุ ก.ตร. ที่ปฏิบัติหน้าที่แทน ก.ตร. หลังพิจารณาข้อร้องเรียน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ชอบธรรม แต่การมาแก้ปัญหาให้หน่วยงานหนึ่งแล้วไปปิดหัวสร้างปัญหาให้อีกหน่วยงานหนึ่งก็ดูพิกลอยู่
ทั้งๆที่ การแก้ปัญหาที่จะไม่ทำให้หน่วยงานอื่นได้รับผลกระทบ คือ หน่วยงานที่ต้องรีบการเยียวยา อย่าง กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ต้องยอมรับผลการบริหารงานที่ผิดพลาดในการโยกย้ายตำรวจออกนอกหน่วยไม่เป็นธรรม จนมีการร้องเรียนและได้รับการเยียวยา ควรจะรับผลิตผลความผิดพลาดของตัวเองกลับคืน แม้ ผบช.น. คนปัจจุบันจะไม่ได้ทำก็ตาม แต่เมื่อองค์กร หน่วยงาน ทำองค์กร หน่วยงานก็ย่อมต้องรับผิดชอบแต่พอ”บช.น.” มีพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร นั่งรักษาการ ผบช.น. ซึ่งมีความใกล้ชิดกับขั้วอำนาจปัจจุบัน แสดงท่าทีหากต้องรับกลุ่มเยียวยากลับมาจะกระทบต่อการบริหารงานและทิศทางการดำเนินงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงต้องหาทางออก หาวิธีแก้ปัญหา
หวยก็เลยออกที่การยกเว้นหลักเกณฑ์ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นข้ามหน่วยได้!!! “ผบ.ตร.”และ”ก.ตร.” รวมทั้ง” บช.น.” ลอยตัวจากปัญหา ปล่อยให้ บช.อื่นๆต้องรับผลพวงโยกย้ายไม่เป็นธรรมของ”นครบาล”ไปเต็มๆ ปัญหาเยียวเลยจบ
แต่ที่ไม่จบ คือ การแต่งตั้งขึ้นข้ามหน่วย เหล่าสีกากีก็เชื่อว่าตำรวจตาสี ตาสา ก้มหน้าทำงาน ไร้เส้น ไร้สาย ครบหลักเกณฑ์แต่งตั้งไม่น่าจะได้รับการพิจารณาให้ไปขึ้นนอกหน่วยเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็ยังมองว่า เด็กเส้น เด็กสาย ที่ถือตั๋วขั้วอำนาจ แต่ตำแหน่งใน บช.มีน้อย ก็เลยต้องหันไปขึ้นนอกหน่วย เพราะหากจะ”ถือตั๋ว” รอคิวปีหน้า ก็จะไปชนกับร่าง กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2559 ซึ่งมีการขยับหลักเกณฑ์ บวก 1 บวก 2 การขึ้นก่อนจึงย่อมได้เปรียบ
ดังนั้นการแต่งตั้งสูงขึ้นข้ามหน่วย ที่”ผบ.ตร.”ต้องเสนอให้ ก.ตร.พิจารณา จึงเป็นบัญชีแต่งตั้งระดับ “นายพัน” ที่น่าจับตา จะมีตำรวจตาสีตาสาหลุดรอดไปเติบโตหรือไม่ และปลายทางที่กลุ่มข้ามห้วยไปเติบโต จะไปนั่งเก้าอี้ระดับเกรดเอเฉือนหัวของภูธรหรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะเป็นบนพิสูจน์ความยุติธรรมอีกครั้ง ของ”ผบ.ตร.” ที่ชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่มีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และลบข้อครหาพวกปากหอยปากปูที่มอง”บิ๊กแป๊ะ”เป็นแค่”ร่างทรง”เครือข่ายโชคชัย 4