MGR Online - “พล.ต.อ.พงศพัศ” ประชุมคณะทำงานพิจารณาร่างกฎ ก.ตร.ใหม่ มั่นใจเป็นธรรมใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน ก่อนเสนอ ก.ตร.คาดอาจนำมาใช้แต่งตั้ง รองผู้บังคับการ-สารวัตร 31 ม.ค.
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบ.ตร. ประชุมคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ ของคณะพิจารณาการดำเนินการร่างกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ฉบับใหม่ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 44/2558 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่ง คสช.ที่ 44/2558 เกี่ยวกับการแก้ไขการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยกฎ ก.ตร. ซึ่งในการประชุม ก.ตร.แต่ละครั้งที่ผ่านมาได้นำเสนอร่างกฎ ก.ตร.นี้ไปพิจารณา ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรพิจารณาให้เกิดความรอบคอบและรอบด้าน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาโดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานในครั้งนี้ โดยเห็นว่ากระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายมีความสำคัญกับข้าราชการตำรวจทุกนาย โดยเห็นชอบที่จะปรับปรุงกฎ ก.ตร.ฉบับนี้ให้ตอบสนองความต้องการ และแก้ไขข้อผิดพลาด และให้เป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ในการปรับปรุงร่างกฎ ก.ตร.ในครั้งนี้จะมีการปรับปรุงรูปแบบการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีหรือในวาระต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเยียวยาย้อนหลัง การร่างกฎ ก.ตร.ขึ้นมาใหม่นี้เปรียบเสมือนการดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต และจะมาพิจารณาใหม่ว่าจะแก้ไขจุดบกพร่องเหล่านี้อย่างไร โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน โดยจะเสนอให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาต่อไป ซึ่งหากที่ประชุมมีมติเห็นชอบทันก่อนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ถึงสารวัตร วาระประจำปี 2558 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ก็จะหยิบกฎ ก.ตร.รูปแบบใหม่มาพิจารณาในการแต่งตั้งครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
“ในการประชุมครั้งนี้ยังมีการพิจารณาตำแหน่งนายตำรวจที่รับราชการมาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ไม่ได้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตรับราชการ โดยเฉพาะตำแหน่งนายตำรวจยศระดับนายพลขึ้นไป ให้มีตำแหน่งเทียบเท่า เปรียบเสมือนที่ปรึกษาของรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งเป็นตำแหน่งหลัก อย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานฯ จะมีการประชุมในเรื่องนี้ก่อนว่าจะมีตำแหน่งที่เหมาะสมรองรับหรือไม่ รวมถึงการขยายเวลาการดำรงตำแหน่งนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการถึงรองสารวัตร เพื่อต้องการให้ตำรวจมีประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นเพื่อทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งระดับนายพลจะทำให้มีโอกาสเติบโต เพราะจะมีตำแหน่งที่เปิดว่างมากขึ้น” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากฎ ก.ตร.ที่ผ่านมามีปัญหาอย่างไรจึงต้องมีการปรับปรุง พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมาจะพบว่ามีการฟ้องร้องจนต้องมีการเยียวยา โดยเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรมแก่ข้าราชการตำรวจ เมื่อมีคำสั่งของ คสช.ออกมา จึงต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎ ก.ตร.เสียใหม่ เพื่อรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต และทำอนาคตให้ดีกว่า โดยในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมาคณะทำงานฯ ทุกท่านมีความเห็นชอบ จึงต้องมีการปรับปรุงแก้ไขการบริหารงานบุคคลเสียใหม่
เมื่อถามว่ามีการเร่งรัดเพื่อให้ทันการแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปีหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้เร่งรัดอะไร แต่ที่ดำเนินการทั้งหมดเพื่อทำอย่างไรให้กฎ ก.ตร.ที่จะแต่งตั้งในครั้งต่อไปไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร อยากจะเห็นกฎ ก.ตร.เป็นหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาการแต่งตั้งอย่างชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งกฎ ก.ตร.ก็ถือเป็นโรดแม็ปและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ทุกคนรับรู้ เห็นชอบก็สามารถใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในการบริหารงานบุคคลในส่วนอื่นๆ ได้ การที่จะมายกเว้นในที่ประชุม ก.ตร. โดยมารยาทแล้วเราจะไม่ทำกัน ซึ่งการที่จะมายกเว้นกฎ ก.ตร.ในแต่ละครั้ง มักทำให้เกิดความเป็นธรรมกับบุคคลหนึ่งและเกิดความไม่เป็นธรรมแก้่อีกหลายๆ ฝ่าย เพราะฉะนั้นหากเรามีกฎ ก.ตร.เป็นโรดแมปที่หลายฝ่ายยอมรับ เราก็ใช้กฎ ก.ตร.ในการดำเนินการ โดยไม่ต้องมีการยกเว้นหลักเกณฑ์อีก นอกจากนี้การร่างกฎ ก.ตร.จะต้องให้ข้าราชการตำรวจทุกนายยอมรับและทำให้ทุกคนมีความเจริญก้าวหน้า รวมถึงสะท้อนการทำงานที่เท่าเทียบกันด้วย
เมื่อถามว่าหัวใจหลักในการปรับปรุงครั้งนี้คืออะไร รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นการแก้ไขปัญหาในอดีต โดยเฉพาะการแต่งตั้งที่หลายฝ่ายเห็นว่าไม่เป็นธรรม รวมถึงการวิ่งเต้นโยกย้ายหรือการซื้อขายตำแหน่งหรือกรณีใดต่างๆ ซึ่งนายกฯ และรองนายกฯ อยากปิดช่องว่างในปัญหานี้ ซึ่งกฎนี้อาจจะไม่ได้ปิดช่องว่างในทุกส่วน แต่ปัญหานี้ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตก็จะลดน้อยลงไป พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเร่งรัดให้เกิดการโยกย้ายนอกฤดูในช่วงเดือนเมษายนแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าต้องมีการประชุมอีกกี่ครั้งถึงจะเสร็จสิ้น พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า โดยในระยะเวลา 30 วันนี้จะมีการประชุมบ่อย โดยจะต้องหารือจากหลายๆส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย รวมถึงเมื่อร่างกฎ ก.ตร.เสร็จสิ้น ทาง ผบ.ตร.จะมีการเสนอไปยังที่ประชุม ก.ตร.ต่อไป รวมถึงจะหารือกับลูกน้องตำรวจตามสถานีตำรวจภูธรต่างๆ เอามาหารือด้วยว่า ก.ตร.นี้มีความเห็นอย่างไร โดยขณะนี้ก็ยังใช้กฎ ก.ตร.ฉบับเก่าอยู่ ทั้งนี้หากกฎ ก.ตร.แล้วเสร็จสมบูรณ์ ก็สามารถยกกฎ ก.ตร.ใหม่แต่งตั้งต่อไป