จ่อเชือด พล.ต.ต.- พล.ต.อ. พันคดี “เอี๊ยด” โยงเป็นพรวน “บิ๊กโปรเจกต์” วิทยุระบบ “ทรั้งค์”

MGR Online - ชักจะยุ่งคดีแก๊ง “หมอหยอง - สารวัตรเอี๊ยด” อดีตผู้ต้องหาคดี 112 พนักงานสอบสวนยังเดินหน้า สอบพบอ้างภารกิจสำคัญตั้งศูนย์วิทยุเถื่อน ใกล้ถึงคิว พล.ต.ต.- พล.ต.อ. “คนดัง” เผยชื่อเมื่อไหร่ตะลึงทั้งเมือง แฉอาศัยความชำนาญวิทยุสื่อสารระบบ “ทรั้งค์” แล้วแอบอ้างให้บิ๊กตำรวจ “ไฟเขียว” จัดงบประมาณให้

วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูงขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช อดีต รอง ผบก.ป. ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 สืบเนื่องจากการขยายผลคดี นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมองหยอง กับ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด อดีตนายตำรวจสังกัด บก.ปอท. ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงและตรวจพบวิทยุสื่อสารโมบาย พร้อมเสาวิทยุจำนวน 5 ต้น วิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่อง ภายในคอนโดมิเนียมลาเมซอง ของ “สารวัตรเอี๊ยด” เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา นั้น มีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนในเบื้องต้นมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ายังมีนายตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้อีกหลายนาย ซึ่งอาจจะโยงไปถึง พล.ต.อ. นอกราชการด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า 1 ในนายพลตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วยมีชื่อ พล.ต.ต.พรกุศล ยศธร อดีต ผบก. กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมอยู่ด้วย ซึ่งเคยถูกพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง เคยเรียกไปสอบปากคำแล้วครั้งหนึ่ง นอกจากนั้น การสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ ยังพาดพิงไปที่อดีตนายตำรวจคนดังยศ พล.ต.อ. ซึ่งชิงลาออกและหายหน้าหายตาไปจากแวดวงสังคม ท่ามกลางกระแสข่าวว่าได้พาครอบครัวหลบไปยังต่างประเทศ แต่บางกระแสระบุว่า ยังคงมีชีวิตอย่างปกติในกรุงเทพฯเพียงแต่เก็บตัวเงียบเพื่อให้สังคมลืมไปอีกระยะหนึ่ง

สำหรับ พล.ต.อ. ดังกล่าวมีความสนิทสนมกับ “สารวัตรเอี๊ยด” เป็นอย่างดี และมีความรู้ความสามารถทางเทคโนโลยีจึง “รับลูก” โครงการระบบเครือข่ายการสื่อสารและโทรคมนาคมแบบดิจิตอล หรือ ระบบทรั้งค์ ซึ่ง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ถือเป็นนายตำรวจอีกคนหนึ่งที่เป็น “กูรู” วิทยุระบบนี้ จึงร่วมกันชงโปรเจกต์วิทยุสื่อสารระบบ “ทรั้งค์” ไปยังกองตำรวจสื่อสาร โดยแอบอ้างว่าเพื่อใช้ในภารกิจเฉพาะบุคคลสำคัญ แต่การอนุมัติใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งนั้น มีปัญหาว่าจะต้องเป็นนายตำรวจระดับไหนจึงจะลงนามเซ็นอนุมัติ หรือ “ไฟเขียว” ให้ผ่านโครงการดังกล่าว จึงคาดว่าหากดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาแล้วจะมีอดีต “บิ๊กตำรวจ” ระดับ พล.ต.อ. เป็นนายตำรวจคนดังที่สังคมรู้จักกันเป็นอย่างดีต้องติดร่างแหในคดีนี้อย่างแน่นอน