xs
xsm
sm
md
lg

ลด“รองผบ.ตร.” เหลือ 4 สายหลัก แผนตั้งด่านสกัดพวกดาวรุ่งพุ่งแรง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
สน.พระอาทิตย์
ร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่นี้ จะสอดรับกับโครงสร้างการบริหารงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่”ผบ.ตร. ” ผุดแนวคิดปรับปรุงสายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีความชัดเจนและคล่องตัว ตัดลดสายงานระดับ รองผบ.ตร. เหลือเพียง 4ด้าน สายการปราบปราม สายงานกิจการพิเศษ(มั่นคง) สายงานบริหาร และสายงานด้านสืบสวน สอบสวน ซึ่งทั้ง 4 สาย ในแต่ละสายงานจะมีตำแหน่ง ผู้ช่วยผบ.ตร.จำนวนสายละ 2 นาย เพื่อให้เติบโตตามสายงาน และสั่งการได้คล่องตัวขึ้น พร้อมกับมีรายงานว่า ในส่วนของตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และที่ปรึกษาสบ.10 ที่เหลือจะเปลี่ยนเป็นตำแหน่ง “รองผบ.ตร.ประจำ” คัดจากรองผบ.ตร.ที่ใกล้เกษียณอายุราชการภายใน 1 ถึง 2 ปี

หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันพุธนี้(20 ม. ค. )น่าจะเป็นอีกหนึ่งวันที่ “วัดใจ” เหล่าสีกากีระดับ “รองผบ.ตร.” และ”จเรตำรวจแห่งชาติ” ในฐานะกรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(กรรมการ ก.ตร.) และเป็นประธาน อนุ ก.ตร. กำหนดทิศทางการบริหารงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพิจารณาร่าง กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2559 หรือร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่ ตามกำหนดนัดหมายที่ ”จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานปรับปรุงแก้ไขกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ฉบับใหม่ เคาะเอาไว้ วันที่ 20 ม.ค.2559คณะทำงานและ”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน จะหารือร่วมกับ รองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณา ร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่

หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการนำเอกสารร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่ ให้กับ รองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ไปนั่งอ่าน นอนอ่าน ถ้อยคำ ข้อความแต่ละบรรทัด และนำข้อคิดเห็นต่อร่างดังกล่าว ว่ามีข้อไหนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร จากนั้นจะนำไปปรับแก้เพื่อเสนอ ก.ตร. ที่มี”บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะประธาน ตีตราประทับ เกินสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ร่างกฎ ก.ตร.ฉบับใหม่ จะสร้างความเป็นธรรม สร้างความยุติธรรม ให้เหล่าสีกากีมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นร่างที่เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวกพ้อง แบบที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับ”รองผบ.ตร.”และ”จเรตำรวจแห่งชาติ” จะเป็นปากเป็นเสียงแทน”ตำรวจ” ผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่านาย เหล่าลูกน้องก็เฝ้ารอดูลูกพี่บิ๊กๆทั้งหลายจะกลายเป็น "เปรตสีกากี"ที่รองาบส่วนบุญที่เขาโยนให้กันหรือไม่?

หากบิ๊กตำรวจถูกปิดหูปิดตาด้วยโควตา ด้วยเงื่อนไขพิเศษ เหมือนอย่างข่าวลือที่ออกมา ก็คงเอวัง...ด้วยประการฉะนี้ แต่ถ้า “ใจเป็นธรรม” ยึดผลประโยชน์คนสีกากีเป็นหลัก ความศรัทธา ความเชื่อถือ “นาย” ก็จะหวนคืนมา แต่ผลสรุปร่าง กฎ ก.ตร. จะออกหมู่หรือจ่า จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ก่อนถึงดีเดย์ วันที่ 20 ม.ค.นี้ หากส่องร่าง กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2559 บางข้อ บางมุม บางประเด็น ที่เขียนเอาไว้ในร่างดังกล่าวให้ รองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ กลับไปทำการบ้านมาส่ง”ครูแป๊ะ”และ”จารย์จูดี้” จะเห็นเบื้องลึก เบื้องหลัง อะไรบางอย่างที่หลายคนสงสัยสะท้อนออกมา โดยเฉพาะประเด็นระยะเวลาการครองตำแหน่ง ที่ถูกจับตาและมีการปัดฝุ่นปรับแก้จากเสียงวิจารณ์นั้น ในร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่ล่าสุด ลักษณะที่2หลักเกณฑ์การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ บทที่ 1การคัดเลือกหรือแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระบุ การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตั้งแต่ระดับเจรตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมาถึงระดับสารวัตร ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาจากผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

ผู้ช่วย ผบ.ตร.เลื่อนเป็น จเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผบ.ตร. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปี ผู้บัญชาการ(ผบช.) เลื่อนเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปี รองผู้บัญชาการ(รองผบช.) เลื่อนเป็น ผบช. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปี ผู้บังคับการ(ผบก.) เลื่อนเป็น รองผบช. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 2 ปี รองผู้บังคับการ(รองผบก.) เลื่อนเป็น ผบก.ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5ปีและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การเลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี(พล.ต.ต.) ผู้กำกับการ(ผกก.) เลื่อนเป็น รองผบก. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5 ปี รองผู้กำกับการ(รองผกก.) เลื่อนเป็น ผกก. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 4 ปี สารวัตร(สว.) เลื่อนเป็น รองผกก. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 6 ปี และรองสารวัตร(รองสว.) เลื่อนเป็น สว. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 7 ปี

หากเปรียบเทียบกับ การครองตำแหน่ง ในร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่ ที่ถูกนำเสนอมาก่อนนี้และถูกตีตกให้ไปปรับปรุงเพิ่มเติมมาใหม่นั้น การ บวก 1 ยังคงมีอยู่ในระดับ “นายพัน” และลบ 1 ในระดับ “นายพล” เช่นเดิม ยกเว้น ระดับ รองสว.ขึ้น สว. ใช้ของเดิม 7 ปี ไม่ปรับเพิ่ม เช่นเดียวกับ การถ่างขาระดับ รองผบก. ขึ้น ผบก. ที่เดิมว่างไว้ถึง 6 ปี แต่เกณฑ์ใหม่ขยับลงมาเหลือเพียง 5 ปี

ที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งในร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับนี้ คือ บทที่ 3วิ ธีการคัดเลือกหรือแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ ระบุ การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นให้พิจารณาดังนี้ 1.ข้าราชการตำรวจที่จะคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ จเรตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึงระดับผู้บังคับการ ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนร้อยละ33ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่งในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2.ข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการลงมาถึงระดับสารวัตร ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนร้อยละ 33ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละดับของตำแหน่งของหน่วยนั้น 3.ตำแหน่งว่างที่เหลือจากการพิจารณาตาม1และ2ให้ถือว่าผู้เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นทุกราย เป็นผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาโดยเท่าเทียมกัน นั่นหมายความว่าระดับขึ้น รองผบ.ตร. ขึ้นผู้ช่วยผบ.ตร. จะไม่เดินเรียงแถวขึ้นเหมือนที่ผ่านมา แต่จะให้พวกอาวุโสร้อยละ 33ก่อน ส่วนเก้าอี้ที่เหลือจะดูที่ความรู้ ความสามารถ ซึ่งเปิดช่องทางให้สีกากีเส้นก๊วยจั๊บได้ขยับโตเร็วขึ้นเช่นกัน

ดูเหมือน ร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับใหม่นี้ จะสอดรับกับโครงสร้างการบริหารงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่”ผบ.ตร. ” ผุดแนวคิดปรับปรุงสายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีความชัดเจนและคล่องตัว ตัดลดสายงานระดับ รองผบ.ตร. เหลือเพียง 4ด้าน สายการปราบปราม, สายงานกิจการพิเศษ(มั่นคง), สายงานบริหาร และสายงานด้านสืบสวน สอบสวน ซึ่งทั้ง 4 สาย ในแต่ละสายงานจะมีตำแหน่ง ผู้ช่วยผบ.ตร.จำนวนสายละ 2 นาย เพื่อให้เติบโตตามสายงาน และสั่งการได้คล่องตัวขึ้น พร้อมกับมีรายงานว่า ในส่วนของตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และที่ปรึกษาสบ.10 ที่เหลือจะเปลี่ยนเป็นตำแหน่ง “รองผบ.ตร.ประจำ” คัดจากรองผบ.ตร.ที่ใกล้เกษียณอายุราชการภายใน 1 ถึง 2 ปี เมื่อนำทั้ง 2 ส่วนมาผนวกกัน รองผบ.ตร. 4สายหลัก ที่มีสิทธิ์ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ก็จะเป็นตำรวจที่ยังหนุ่มมีอายุราชการเหลือมากกว่า 2 ปี ก็สอดรับกับระดับ “นายพล” ที่”ลด”การครองอายุราชการลง พวกดาวรุ่งพุ่งแรง เส้นใหญ่ ตามที่”บิ๊กแป๊ะ”เคยยกตัวอย่างเอาไว้ก็รับประโยชน์ มีโอกาสก้าวขึ้น”แม่ทัพใหญ่สีกากี”เหนือกว่าคนอื่นๆ

แบบนี้ต้องวัดใจ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบ.ตร. และพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล จเรตำรวจแห่งชาติ วันที่ 20 ม.ค.นี้ จะว่าอย่างไร เพราะหาก ร่าง กฎ ก.ตร.ฉบับนี้ออกมาใช้และผสานแนวคิดลดสายงาน ยอมเป็นเหตุให้“รองผบ.ตร.”ที่อยู่บนเก้าอี้ปัจจุบันที่มีอำนาจอยู่ระดับบนยุทธจักรปทุมวันรอวันเป็นเบอร์หนึ่งได้รับผลกระทบแน่.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น