MGR Online - “พล.อ.ไพบูลย์” แถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ 1 ปี พร้อมวางกรอบการทำงานใหม่ 6 ด้าน มุ่งพัฒนาประเทศ สร้างความปลอดภัย ลดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันทุจริต ปราบอาชญากรรมและยาเสพติด ปัดตอบความพอใจผลงานที่ผ่านมา ขอให้คนนอกตัดสินเอง
วันนี้ (13 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมแถลงผลการดำเนินการงามตามนโยบายรัฐบาล รอบ 1 ปี
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนระยะเวลา 20 ปี กำหนดแนวทางการบริหารราชการ เมื่อตนเข้ามาบริหารกระทรวงยุติธรรม พบว่ามีปัญหาอยู่ 4 เรื่อง ได้แก่ 1. ไม่สามารถนำบริการของภาครัฐไปสู่ภาคประชาชนอย่างทั่วถึง เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องบุคลากรไม่มีประสิทธิภาพ 2. หน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม เช่น ป.ป.ส., ป.ป.ท., กรมคุมประพฤติ เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลทำให้ขาดประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการบูรณาการทำงานร่วมกัน 3. กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งมา 125 ปีแต่มีหน่วยงานขึ้นมาใหม่เมื่อปี 2545 เยอะมาก ทั้ง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ฯลฯ ซึ่งบางหน่วยงานไม่มีกฎหมายรองรับต้องไปทำเกี่ยวกับภารกิจพิเศษ และ 4. หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมขาดความเชื่อมั่นของสังคมและไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง กรมคุมประพฤติ ไม่สามารถฟื้นฟูคนติดยาเสพติดได้ หรือดีเอสไอ อดีตถูกมองเป็นเครื่องมือของนักการเมือง
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า ตนได้จัดวางกรอบการทำงานขึ้นมาใหม่เพื่อเกิดประสิทธิภาพ โดยมีผลการดำเนินงาน 6 ด้าน คือ (1. การอำนวยยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ (2. การสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย (3. การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (4. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (5. การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ และ (6. การพัฒนากฎหมายของประเทศ อย่างไรก็ตาม ตนพยายามให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความพอใจการผลดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่เคยประเมินแต่ต้องให้คนอื่นประเมินมากกว่า ตนเห็นปัญหาภายในกระทรวงแต่บางอย่างกำลังแก้ไขและยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง เช่น กรมราชทัณฑ์ มีกรอบทำงาน 5 ก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง แบ่งเรือนจำไว้ 3 ประเภท เรือนจำความมั่นคงสูง เรือนจำปกติ เรือนจำเบาหรือชั่วคราว เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้ากรณีการเดินหน้าประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่มีความคืบหน้าอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ภายใน 1-2 เดือนนี้จะนำกฎหมายยาเสพติดใหม่เข้าสู่สภาเพื่อให้มีการบังคับเร็วที่สุด รวมถึงกฎหมายการป้องกันการซ้อมทรมานและอุ้มฆ่าอุ้มหาย ที่ตนตระหนักว่า จะต้องมีการปรับการทำงานของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการคุ้มครองพยานและผู้เสียหาย รวมถึงต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้การทำงานมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น