MGR Online - พ่อและแม่หนุ่มวัย 18 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังลูกชายตกเป็นแพะในคดีฆ่าผู้อื่น ทั้งที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตัวจริงได้แล้ว แต่ศาลสั่งจำคุก 20 ปี ขณะนี้ยังอยู่ในเรือนจำ
วันนี้ (13 ม.ค.) เวลา 11.30 น. ที่ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แจ้งวัฒนะ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ในฐานะประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้พานายณัฐชานนท์ และนางปิยะมาศ ประเสริฐผล บิดามารดาของ นายรัตนโชติ ประเสริฐผล อายุ 18 ปี มายื่นเอกสารขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนรับมอบ หลังบุตรชายถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 20 ปี กล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาร้ายแรงฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ในท้องที่ สน.หลักสอง
นายสงกานต์กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 58 นายรัตนโชติขออนุญาตผู้ปกครองไปงานวันเกิดของตัวเองที่ร้านฮอร์โมน เขตบางแค พร้อมกับแฟนสาว และนายเอ (นามสมมติ) วัย 17 ปี โดยมีกลุ่มเพื่อนราว 20 คนไปด้วยกัน จากนั้นร้านเที่ยวปิดทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะที่นายรัตนโชติและเพื่อนเดินทางกลับบ้านย่านวัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้มีกลุ่มคนร้ายขี่จักรยานยนต์ใช้อาวุธมีดรุมฟันนายสุวิทย์ จันทศิลา จนเสียชีวิต บริเวณปากซอยเพชรเกษม 41 เขตบางแค เป็นจังหวะที่นายรัตนโชติและเพื่อนขี่จักรยานยนต์ผ่านมาพอดี ทำให้กลุ่มเพื่อนของผู้ตายเห็นจึงคิดว่านายรัตนโชติกับนายเออยู่ในกลุ่มคนร้าย
นายสงกานต์กล่าวอีกว่า ต่อมาตำรวจจับกุมตัวนายรัตนโชติ และนายเอได้ที่บ้านพัก โดยพยานระบุว่าทั้ง 2 รายรุมฟันผู้ตายอย่างโหดเหี้ยม ทำให้พ่อแม่ของนายรัตนโชติได้เข้าร้องเรียนที่ สน.หลักสอง รื้อคดีใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งตำรวจสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาที่แท้จริงได้ทั้งหมด 12 คน และได้ยื่นเรื่องต่อศาลขอให้ปล่อยตัวนายรัตนโชติชั่วคราว เนื่องจากว่าไม่ใช่ผู้ต้องหาที่แท้จริง แต่ผ่านไปไม่นานมีหมายศาลเรียกตัว นายรัตนโชติให้ไปพบ แล้วมีคำสั่งให้จำคุกทันที 20 ปี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 58 ที่ผ่านมา และตอนนี้อยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งผู้ต้องหาที่แท้จริงทั้งหมดก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักนายรัตนโชติแต่อย่างใด ส่งผลให้ พ่อแม่ของนายรัตนโชติเดินทางมาขอความเป็นธรรมในคดีนี้
นางปิยะมาศเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายตนอยู่ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เพชรเกษม 84 และมีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันปากซอยเพชรเกษม 41 ต่อมาตำรวจจับกุมกลุ่มคนร้ายได้หลายรายพร้อมกับสอบถามแต่ไม่มีใครรู้จักลูกชายของตน โดยวันนี้เอาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมายืนยันเวลาและสถานที่ว่าลูกชายไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุ หลังจากนี้อยู่ระหว่างเตรียมหลักฐานเพื่อขอยื่นอุทธรณ์
ด้านนายเกิดโชคกล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมมีแนวทางการช่วยเหลือ โดยอันดับแรกเตรียมหาเงินจากกองทุนยุติธรรมไปช่วยประกันตัวออกมาก่อน และหลังจากนั้นจะติดตามการพิจารณาคดี หากผู้ร้องทุกข์ไม่มีทนายความทางกระทรวงยุติธรรมจะมีทนายความไปช่วยเหลือในเรื่องคดีนี้อย่างเป็นธรรม
