MGR Online - ดีเอสไอพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ บริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด ย่านปทุมธานี หลังเปิดรับสมาชิกแบบแฟรนไชส์ร่วมลงทุนซื้อโปรแกรมเคาน์เตอร์เซอร์วิส และซื้อหน่วยลงทุน เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มีผู้ตกเป็นเหยื่อ 2,000 ราย ค่าความเสียหาย 500 ล้านบาท เบื้องต้นคุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท
วันนี้ (12 ม.ค.) เวลา 13.30 น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 19/68-69 ถนนโยธิการคูคต-คลองหลวง ต.คลองสามวา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเปิดเป็นบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด (Original network) โดยอาคารดังกล่าวเป็นอาคารสูง 4 ชั้น 2 คูหาติดกัน บริเวณชั้นที่ 1 กำลังตกแต่งปรับปรุงใหม่ ส่วนชั้น 2-3 เป็นสำนักงาน และชั้นที่ 4 เป็นห้องประชุมสัมมนา จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบนายมนตรี หรือจอมพงษ์ มณีวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับจึงนำตัวมาแสดงต่อสื่อมวลชน
นายมนตรีกล่าวว่า ตนเป็น 1 ใน 4 ผู้บริหาร บริษัท ไนน์ ท๊อปอัพ จำกัด ก่อตั้งเมื่อ 2 ปีก่อน เปิดให้ร่วมลงทุนซื้อโปรแกรมระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส และซื้อหน่วยลงทุน (PR) มีการรับสมัครสมาชิกแบบแฟรนไชส์ ตั้งแต่ 1,500-12,500 บาท มีสมาชิกประมาณ 40,000 ราย และมีการปันผลกำไรให้สมาชิกตามเปอร์เซ็นต์ของค่าสมัครแต่ละบุคคล ต่อมาบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด มีปัญหาภายในระบบไม่สามารถขับเคลื่อนได้ทำให้สมาชิกเกิดความกังวล จนกระทั่งเดือน ส.ค. 58 บริษัทได้ปิดตัวลง และมีการก่อตั้งบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด ขึ้นมาใหม่เพื่อแก้ไขระบบและเยียวยาสมาชิกเก่า
นายมนตรีกล่าวอีกว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด วัตถุประสงค์ ต้องการให้ธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปให้ได้ โดยสมาชิกเดิมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ปัจจุบันมีสมาชิกเก่าประมาณ 30,000 ราย สมาชิกใหม่อีก 10,000 นาย ส่วนสมาชิกเดิมบางส่วนที่หายไปนั้นอาจเข้าใจผิดว่าบริษัทฯ มีการโกงเกิดขึ้น ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่แต่อย่างใด รวมทั้งปัจจุบันบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด กำลังอยู่ระหว่างยื่นแผนการตลาดของบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด
พ.ต.ต.สุริยาเปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายจึงรวบรวมหลักฐานการจัดโปรโมชั่น อาร์พี (RP) ของ บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด พบว่าเข้าข่ายระดมทุนปันผลกำไรดอกเบี้ยเกินกฎหมายที่กำหนด รวมทั้งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องจนแน่ชัดแล้วว่า มีการกระทำผิดจริงตาม พ.ร.บ.กู้ยืมเงิน คล้ายคดีแชร์ลูกโซ่ และออกหมายจับผู้บริหารทั้ง 4 คน ประกอบด้วย 1. นายสิทธิไกร ตลับนาค หมายจับเลขที่ 51/2559 ลงวันที่ 11 ม.ค. 59 ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน 2. นายมนตรี หรือจอมพงศ์ มณีวงศ์ หมายจับเลขที่ 53 /2559 ลงวันที่ 11 ม.ค. 59 ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน 3. นายไตรทศ สื่อจินดาภรณ์ หมายจับเลขที่ 52/2559 ลงวันที่ 11 ม.ค. 59 ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ 4. นายธรรมรัตน์ มงคลบวรรัตน์ หมายจับเลขที่ 54/2559 ลงวันที่ 11 ม.ค. 59 ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมติดตามอายัดทรัพย์ อาทิ ที่ดิน อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว, รีสอร์ท อ.วังม่วง จ.ลพบุรี, รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ กว่า 20 คัน รวมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ส่วนมูลค่าความเสียหาย 500 ล้านบาท และผู้เสียหายร่วม 2,000 คน
พ.ต.ต.สุริยากล่าวอีกว่า คดีนี้ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนเมื่อ ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา จึงเร่งดำเนินการ โดย บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด มีสมาชิกกว่า 40,000 คน และต่อมาเปลี่ยนเป็นบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด มีสมาชิกราว 30,000 คน พบว่าจำนวนคนบางส่วนหายไปหากต้องการประสานข้อมูลสามารถติดต่อมายังดีเอสไอเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย
พ.ต.ต.สุริยากล่าวเพิ่มว่า สำหรับบริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด มี นายมนตรี มณีวงศ์ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและอยู่ระหว่างยื่นแผนการตลาดเพิ่มเติม ส่วนการขอใบอนุญาต สคบ.นั้นได้ทำเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หากการประกอบธุรกิจไม่ตรงตามแผนการตลาดที่ยื่นอนุญาตทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ส่วนผู้บริหารอีก 3 รายที่หลบหนีไปนั้นมีการประสานขอเข้ามอบตัวแต่ยังไม่ได้นะบุวันและเวลาที่แน่ชัด เบื้องต้นนำตัวนายมนตรี หรือจอมพงษ์ มณีวงศ์ หนึ่งในผู้บริหารไปสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหาตามหมายจับทีดีเอสไอ
