นราธิวาส - DSI นำทีมลงพื้น จ.นราธิวาสอีกรอบ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมกรณี “คดีแชร์ลูกโซ่” หลังสร้างความเสียหายให้แก่คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายปิยะศิริ วัฒนารางกูร ผอ.ส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 DSI พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ส่วนอาญาพิเศษ DSI ทำการซักถามผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่ของ บ.เบส มี ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนไว้ในลักษณะขายตรง มีผู้เสียหายกระจายอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณ 800-900 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท โดยเป็นการบอกต่อให้มีการลงทุน จากนั้นจะนำผลกำไรจากเงินลงทุนมาให้ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการซักถาม และขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นราธิวาส ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นับจากวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา รวม 150 คน
นายปิยะศิริ วัฒนารางกูร ผอ.ส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 DSI กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการลงพื้นที่มาเป็นครั้งที่ 2 เพื่อที่จะรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะขอออกหมายจับประธานกรรมการบริษัท และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการเข้ามาเพื่อยุติไม่ให้ขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะออกหมายจับได้ในช่วงต้นปีหน้านี้ โดยหลังจากนั้นอาจจะทำการตรวจยึดทรัพย์สิน และนำมาแจกจ่ายคืนผู้เสียหาย โดยแชร์ในลักษณะนี้เข้ามากระจายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2556 และมีการขยายวงกว้างขึ้นจนมีผู้เสียหาย และร้องเรียนให้ DSI เข้ามาตรวจสอบ
ด้าน นางนูไอซี ดือรามะ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.ระแงะ กล่าวว่า ตนเองเสียใจที่ถูกหลอกเพราะเชื่อว่าจะได้ผลกำไรจากการขายของเลยได้ลงทุนไว้ ในช่วงแรกได้เงินกลับสัปดาห์ละ 2,000 บาท ประมาณ 1 เดือนทุกอย่างหยุดหมด ทำให้รู้ได้ว่าน่าจะถูกหลอก ซึ่งตนเองได้เอาเงินเก็บของครอบครัวมาลงทุนรวม 50,000 บาท เสียใจมากที่ไม่คิดให้รอบคอบ ครั้งนี้ได้เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะให้ข้อมูลไปประกอบการทำคดีที่เป็นประโยชน์ และหวังลึกๆ ที่อยากจะได้เงินคืน
