xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ชุดคลี่คลายคดีเกาะเต่าชี้แจงขั้นตอนการจับกุม 2 พม่า โปร่งใส

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจคณะทำงานคดีฆาตรกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า แถลงชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติงานทุกขั้นตอนโปร่งใสตั้งแต่รับแจ้งเหตุ สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถจับผู้ต้องหา 2 ชาวพม่าได้สำเร็จ เหตุประหารชีวิตเนื่องจากเป็นคนต่างชาติอัตราโทษสูง ย้ำอย่าหลงเชื่อคำปลุกปั่นคนบางกลุ่มหวังสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์

วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. พล ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองต่างประเทศ (ผบก.ตท.) พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา (ผบก.นต.) พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) พ.ต.อ. สันติ ชัยนิรามัย ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.4 บก.ป.) พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับการสถานีภูธรเกาะพะงัน (ผกก.สภ.เกาะพะงัน) ร่วมกันแถลงชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ คือ นายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ และ น.ส.ฮานนาห์ วิกตอเรีย บนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังศาลจังหวัดเกาะเต่ามีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต 2 ผู้ต้องหา คือ นายซอลิน และนายวิน ซอทุน แรงงานชาวพม่าจนส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านคำตัดสินดังกล่าวโดยเฉพาะทางสังคมออนไลน์และมีการนัดหมายชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศพม่า

พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวว่า ทีมโฆษก ตร.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้มาชี้แจงต่อสื่อมวลชนผ่านไปยังประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยตำรวจยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีผู้สังเกตการณ์จากนานาประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศอังกฤษซึ่งมีมาตรฐานเรื่องการสืบสวนสอบสวนและเป็นประเทศผู้เสียหายอีกด้วย ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติในตอนนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนชุดใหญ่ขึ้นมาเพื่อดูแลคดีนี้ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าชุด อย่างไรก็ตามก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มยังไม่เข้าใจจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อสื่อมวลชนตามลำดับ

พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า ขอชี้แจงถึงบทบาทของพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ โดยทีมสอบสวนได้ร่วมทำคดีตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 จึงลงไปตรวจสอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุเก็บรวบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกส่วนตามขั้นตอน และได้นำพยานในที่เกิดเหตุทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคลเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการ กระทั่งมีการพิสูจน์ในชั้นศาลออกมา จึงขอยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง โดยคดีนี้มีเป็นคดีร้ายแรงและมีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ซึ่งตามกฎมายต้องให้ทนายความและล่ามแปลภาษาร่วมสอบสวนทุกขั้นตอน

พล.ต.ต.อภิชาติเปิดเผยว่า ประเทศพม่ากับไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอยู่แล้วเช่นเดียวกันประเทศอังกฤษก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย การดำเนินการของทางการไทยจึงต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

พ.ต.อ.สันติกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้ร่วมกระบวนการสืบสวนในพื้นที่และควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยเราตีกรอบพื้นที่เกิดเหตุตามแนวชายหาดไม่ต่ำกว่า 1.6 กิโลเมตร และลึกเข้าไปในแผ่นดินไม่ต่ำกว่า 500 เมตร เราได้แสวงหาพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล และพยานวัตถุ ทั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงการเข้าไปซักถามบุคคลที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และเรือประมงทุกคน โดยเราได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุไม่น้อยกว่า 360 ตัวอย่าง ขณะที่กล้องวงจรปิดเราเก็บภาพมาไม่น้อยกว่า 400 ตัวซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถใช้ประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนดีเอ็นเอเป้าหมายนั้นเราวางกรอบในการตรวจสอบตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ตำรวจสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไว้ได้จนนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ต้องหาร่วมกับดีเอ็นเอได้

พล.ต.ท.มนูเปิดเผยว่า ทาง สพฐ.ตร.ได้เข้าร่วมตรวจพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่แรก ขอยืนยันว่าการเก็บวัตถุพยานต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีขั้นตอนที่ชัดเจนตามระเบียบทุกอย่าง

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัยกล่าวว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐาน 8 จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปร่วมเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มีเพียงส่วนเดียวคือสถานที่เกิดเหตุเป็นทะเลมีน้ำขึ้นมาจึงต้องเคลื่อนย้ายศพผู้ตายเพื่อตรวจสอบ แต่ขั้นตอนทั้งหมดถูกต้องแน่นอน หลังจากนั้น 1 วันก็ได้นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วยก้นบุหรี่ซึ่งตำรวจได้โปรไฟล์ของดีเอ็นเอตั้งต้นจากศพ ปรากฏว่าเข้ากันได้กับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ จึงทำให้การสืบสวนมีการเชื่อมโยงระหว่างจุดที่พบศพ กับจุดที่พบจอบ และจุดที่พบก้นบุหรี่ จึงพอทราบได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งนำดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้มาเทียบกับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ และดีเอ็นเอจากร่างกายผู้ตาย ปรากฏว่าตรงกัน

พล.ต.ต.พรชัยกล่าวว่า ตอนที่สถาบันนิติเวชได้รับศพผู้ตายมาก็ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ เราได้พบว่ามีดีเอ็นเอแปลกปลอมอยู่ในร่างกายศพทั้ง 2 รายในจุดสำคัญของร่างกาย เราจึงได้เก็บดีเอ็นเอนั้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นโปรไฟล์ตั้งต้นเพื่อนำดีเอ็นเออื่นๆ มาตรวจเทียบเคียง ยืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามหลักสากล ถูกต้อง และเราได้หลักฐานจากผู้เสียชีวิตมาทั้งหมดเพื่อใช้เทียบเคียงกับหลักฐานวิทยาศาสตร์จากผู้ต้องหา โดยทุกกระบวนการตรวจสอบมีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการควบคุมอยู่และทั่วโลกรับรองมาตรฐานนี้ซึ่งต่างชาติก็พอใจการทำงานครั้งนี้ของไทย

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ตอนนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มบางพวกได้นำสถานการณ์หลังศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ไปปลุกระดมผู้คนออกมาชุมนุมต่อต้านคำตัดสินของศาลขึ้น ทางรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะบานปลายกระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น ทางทีมโฆษก ตร.จึงต้องการสื่อไปถึงประชาชนทุกคนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนี้พร้อมกันนี้ตนอยากขอร้องกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ว่าโปรดอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นเพียงคดีฆาตกรรมที่เป็นคดีของปัจเจกบุคคล ไม่อยากให้นำมาโยงกับเรื่องการเมืองอย่างที่กำลังทำอยู่

“ระบบยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา จึงมีการถ่วงดุลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนแล้วมันจึงต้องเป็นธรรม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะถึงชั้นพนักงานอัยการซึ่งก็มาถ่วงดุลพนักงานสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง เพราะตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนทั้งหมดจะไม่ใช่ผู้กล่าวหา แต่จะกลายเป็นพยาน ขณะที่อัยการจะเป็นโจทก์แทนเพื่อนำฟ้องต่อศาล เมื่อถึงศาล ศาลก็ทำการไต่สวนใหม่อีกรอบหนึ่ง และยังมีอีก 3 ศาลทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา จึงขอยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนของเราไม่มีการเบี่ยงเบนได้แน่นอน อีกทั้งการสอบสวนคดีนี้ชัดเจนมาก เพราะเป็นการพิจารณาตัดสินจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งสากลยอมรับและโกหกกันไม่ได้” รอง โฆษก ตร.กล่าว และว่าและวันนี้กระบวนการยุติธรรมเดินมาถึงขั้นสุดท้ายที่ศาลแล้วจึงไม่อยากให้ต่อยอดมาสู่เหตุการณ์ทางการเมืองนำมาซึ่งการชุมนุมก่อการประท้วงกันขึ้น

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวต่อว่า ในรอบปี 2558 ที่ผ่านมามีคดีที่ชาวพม่าในประเทศไทยกระทำความผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นมากถึง 126 คดีจึงอยากตั้งคำถามว่าทำไมคดีพวกนี้ไม่มีใครออกมาต่อต้านหรือประท้วง จึงน่าสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคดีนี้ แสดงว่ามีการก่อเหตุประเภทนี้จำนวนมากแต่กลับไม่มีใครออกมา แต่พอมาคดีนี้กลับมีการต่อต้านขึ้นจึงเป็นไปได้ว่าจะเป็นความพยายามออกมาเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรวจสอบสืบสวนหาข่าวในเชิงลึกหากพบมีใครเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป

จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เดชณรงค์ได้ตั้งคำถามกับ พ.ต.อ.ประชุม ในฐานะตัวแทนพนักงานสอบสวนคดีนี้ต่อหน้าสื่อมวลชนถึงการรวบรวมพยานหลักฐานไปส่งให้อัยการพิจารณาทางพนักงานสอบสวนถูกตรวจสอบจากอัยการอย่างไรบ้าง ผกก.สภ.เกาะพะงันกล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการแล้วก็ไม่ได้ส่งฟ้องต่อศาลทันที แต่ทางอัยการได้สั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง เพื่อให้สำนวนเกิดความรอบคอบรัดกุมมากขึ้น ถือเป็นการถ่วงดุลกันของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบคดีนี้

พล.ต.อ.เดชณรงค์ ถาม พ.ต.อ.ประชุมต่อว่า หลังจากกระบวนการทุกอย่างไปถึงชั้นศาล กระทั่งมีคำพิพากษาออกมานั้น แสดงให้เห็นว่าศาลไม่ได้ใช้คำสารภาพของผู้ต้องหาและคำบอกกล่าวของพยานบุคคลในการตัดสิน แต่ศาลใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้นใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า เมื่อเรื่องเข้าสู่ชั้นศาลนั้น จำเลยได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งจำเลยทั้ง 2 คนได้จ้างทนายความมาว่าความรวมทั้งหมด 7 คน เป็นทนายความที่มาจากส่วนกลางและเป็นมือชั้นเยี่ยมทั้งหมดทำให้เห็นว่าศาลได้ให้โอกาสจำเลยในการสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว โดยคำพิพากษาของศาลไม่ได้พูดถึงคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาเลย แต่ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องการออกมาต่อต้านคำพิพากษาครั้งนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวอยู่ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตำรวจกำลังหาข้อมูลในเชิงลึกอยู่ หากพบใครเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการแน่นอน และฝากเตือนประชาชนชาวพม่าด้วยว่าขอให้อย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนเหล่านี้เพราะคดีนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ขั้นตอนจากนี้สามารถต่อสู้ในชั้นศาลได้ถึง 2 ชั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้ช่วยอธิบายการตรวจสอบดีเอ็นเอของด้ามจอบในคดีนี้เพราะมีข้อสงสัยกันมาก โดยเฉพาะจากทนายความฝ่ายจำเลย พล.ต.ต.ธวัชชัยกล่าวว่า การดำเนินการครั้งแรกนั้นทนายความของจำเลยอาจเข้าใจว่ามีผู้ให้ข่าวว่าการตรวจดีเอ็นเอบนจอบไม่ตรงกับจำเลยทั้ง 2 คน ข้อเท็จจริงคือ จากการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า มีดีเอ็นเอของผู้ชาย 2 คนบนด้ามจอบ แต่ปรากฏว่าเมื่อดูรายละเอียดแล้วเป็นโปรไฟล์ที่ตรงกันคนหนึ่งคือของผู้ตาย คือ นายเดวิด ส่วนดีเอ็นเออีกตัวนั้นเป็นไมเนอร์โปรไฟล์ คือเป็นดีเอ็นเอที่เข้ากันได้กับจำเลยรายหนึ่งแต่ไม่สามารถยืนยันตามหลักทฤษฎีได้ทั้ง 16 ตำแหน่งเพราะได้แค่ 5 ตำแหน่ง แปลว่าดีเอ็นเอของด้ามจอบกับจำเลยเข้ากันได้ แต่ยืนยันไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถตัดว่าจำเลยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมไปได้ แต่จะยืนยันว่าจำเลยเกี่ยวข้อง 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่ก็มีดีเอ็นเอส่วนอื่นๆ ในการพิสูจน์

“เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีน้ำขึ้นมาจนทำให้ดีเอ็นเอที่จอบถูกชะไป ทำให้การตรวจสอบไม่สามารถยืนยันได้ เราจึงไม่นำมาใช้ยืนยันตัวผู้กระทำผิดครั้งนี้” พล.ต.ต.ธวัชชัยระบุ

เมื่อถามว่าตำรวจภูธรเกาะพะงันซึ่งเป็นทีมสอบสวนคดีนี้ตั้งแต่แรก รู้สึกกดดันถึงกระแสต่อต้านนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า เรายินดีให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบในทุกกระบวนการ และไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อยเพราะมั่นใจว่าทำทุกอย่างไปตามพยานหลักฐานทั้งสิ้น เช่น ประเด็นที่มีบางฝ่ายพูดว่าตำรวจไม่นำดีเอ็นเอที่จอบใส่ไปในสำนวนซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเพราะมีการนำผลดีเอ็นเอที่จอบใส่ในสำนวนให้ศาลพิจารณาแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อเรียกร้องให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่จะเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า คงไม่สามารถรื้อคดีให้มีการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ได้อีก เพราะตามกฎหมายของไทยไม่สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และหลักฐานทั้งหมดก็เป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถโกหกได้ ดีเอ็นเอน่าเชื่อถือกว่าคำให้การของคน อีกทั้งคนไทยเมื่อไปกระทำผิดในต่างประเทศก็ใช้กระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้นๆ ตัดสินเช่นกัน

“เจ้าหน้าที่ได้ดีเอ็นเอของผู้ตายมาก่อนที่จะได้ดีเอ็นเอจากผู้ต้องหามาเปรียบเทียบมันจึงไม่สามารถเอาไปยัดใส่ได้แน่นอน กระบวนการตรวจสอบมันชัดเจนกระจ่างชัดมากแล้ว” รองโฆษก ตร.ระบุ

เมื่อถามถึงข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลยกรณีถูกซ้อมให้รับสารภาพ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า ข้อต่อสู้นี้ใช้กันอยู่ตลอดว่าตำรวจซ้อมให้รับสารภาพโดยคดีนี้ตั้งแต่จับกุมคนร้ายได้ คือ วันที่ 2 ตุลาคม 2557 มีการสอบสวนวันที่ 3 ตุลาคม 2557และส่งตัวให้ศาลวันที่ 4 ตุลาคม 2557 ในวันนั้นเราก็ได้ให้แพทย์มาตรวจร่างกายผู้ต้องหาปรากฏว่ายังร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่เลย เรามีภาพถ่ายและหลักฐานทุกอย่างยืนยันได้ทุกขั้นตอน ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่าถ้ามีการซ้อมจริงก็คงทิ้งร่องรอยไว้บ้างอีกทั้งปีที่แล้วคือปี 2557 หากใช้วิธีซ้อมทรมานผู้ต้องหาอยู่อีกก็ถือว่าล้าหลังมาก ถ้าซ้อมมาได้ข้อมูลไม่จริงก็ต้องไม่จริงอยู่แล้ว ของจริงวันนี้มันจึงมีคำตัดสินแบบนี้

“ข้อเท็จจริงคือ ผู้ต้องหารับสารภาพในชั้นสอบสวน พอนำตัวไปฝากขังครั้งแรก ผู้ต้องหายังรับสารภาพอยู่ครั้งที่ 2 ผู้ต้องหาก็ยังรับสารภาพ ทนายฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมขอให้สอบเพิ่มเติมช่วงที่ตำรวจไปสอบเพิ่มเติมก็มีทนายจำเลยไปด้วย ทนายความคนเดียวกันก็ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยว่าจำเลยสารภาพอยู่เลย แม้แต่การมาตรวจสอบขององค์กรต่างๆ ก็ยังมีการแถลงข่าวว่าจำเลยก็รับสารภาพอยู่ กระทั่งมีการกลับคำภายหลัง” ผกก.สภ.เกาะพะงันระบุ


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น