MGR Online - รอง ผบ.ตร.แถลงผลสอบกรณี “ปวีณ” ถูกข่มขู่จากขบวนการค้ามนุษย์ ยันสอบเชิงลึกแล้วไม่พบการข่มขู่ และพยายามติดต่อเจ้าตัวแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ พร้อมระบุ “ปวีณ” ทำหน้าที่ไม่ถึง 1 เดือนก็หมดอำนาจสอบสวนของตำรวจ จึงไม่มีเหตุจูงใจให้ต้องข่มขู่ ชี้หากการให้สัมภาษณ์สื่อนอกทำประเทศเสียหาย เอาผิดแน่
วันนี้ (25 ธ.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ. 8 รรท.รอง ผบช.ศชต. และอดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าถูกผู้มีอิทธิพลในขบวนการค้ามนุษย์ข่มขู่คุกคามจนต้องขอลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศออสเตรเลีย ตามกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานรวบรวมผลการดำเนินงานป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ตร. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.ฝ่ายต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าว
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า หลังจากที่ตนพร้อมทีมงานได้ลงพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 และพื้นที่ สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ได้มีการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวทุกมิติ ทั้งการสั่งให้ภูธรภาค 9 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามกฎ ก.ตร. และสั่งให้พนักงานสอบสวนในคดีค้ามนุษย์ทุกคนรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามีรายละเอียดอย่างไร และมีการข่มขู่พนักงานสอบสวนคดีนี้จริงหรือไม่ ทั้งยังได้ไปตรวจเยี่ยมและซักถามเหยื่อหรือผู้เสียหายทีไ่ด้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแล้ว ผลปรากฏว่าไม่พบว่ามีการข่มขู่คุกคามตามที่ พล.ต.ต.ปวีณ ให้ข้อมูลกับทางสื่อต่างประเทศแต่อย่างใด
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาตนและคณะตรวจสอบพยายามอย่างมากที่จะติดต่อกับทาง พล.ต.ต.ปวีณ ทั้งทางโทรศัพท์และแอปพลิเคชันไลน์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ตนก็ได้กำชับทีมงานให้พยายามติดต่อ พล.ต.ต.ปวีณให้ได้ เพื่อสอบถามข้อมูลที่ระบุว่าถูกข่มขู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รวมถึงมีวัตถุประสงค์ใดในการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศจนทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย ถ้าเจ้าตัวไม่กลับมาหรือไม่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
“ผมกังวลเรื่องการลดอันดับรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ที่สหรัฐฯ ประกาศให้ไทยอยู่ในอันดับเทียร์ 3 มากกว่ากรณีของ พล.ต.ต.ปวีณ อย่างไรก็ตาม ที่ผมลงพื้นที่ไปตรวจสอบเนื่องจากได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบดูว่าพยานถูกข่มขู่หรือไม่ พนักงานสอบสวนถูกข่มขู่หรือไม่ พนักงานสอบสวนได้งดเว้นการกระทำหรือกระทำสิ่งใดที่ไม่ชอบระหว่างการสอบสวนหรือไม่ ผมดูว่าสำนวนตาม ป.วิฯ อาญา เดินไปตามกฎหมายหรือไม่ ผมไม่ได้ดูในส่วนว่า พล.ต.ต.ปวีณไปพูดให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทใคร หรือทำให้บ้านเมืองเสียหาอย่างไร ผมตรวจสอบในส่วนแรกเท่านั้น เพียงแต่ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้นำหนังสือพิมพ์ต่างประเทศมาให้พิจารณา ตอนนี้ทางภาค 9 กำลังตรวจสอบ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ระบุ
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.ต.ต.ปวีณอาจจะถูกข่มขู่จริงก็ได้ ซึ่งก็ต้องรอผลการตรวจสอบจากภูธรภาค 9 รวมทั้งการสอบถามจาก พล.ต.ต.ปวีณ แต่ขณะนี้ตนลงไปตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนคนอื่น ๆ ถูกข่มขู่ลักษณะเดียวกับ พล.ต.ต.ปวีณหรือไม่ ซึ่งก็ไม่พบแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากดูจากแผนผังที่นำมาแสดงจะเห็นว่าอัยการสูงสุดเพิ่งอนุมัติให้พนักงานสอบสวนชุดของ พล.ต.ต.ปวีณ มาสอบสวนคดีนี้เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ขณะที่ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย. พนักงานสอบสวนก็สรุปสำนวน แปลว่า พล.ต.ต.ปวีณ เข้ามาร่วมสอบสวนได้ไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งอำนาจการสอบสวนก็หมดลงตามกฎหมาย ดังนั้นการบังคับข่มขู่ใดๆ จะไม่เกิดประโยชน์ต่อคดี เพราะตำรวจหมดอำนาจสอบสวนไปแล้ว และวันที่ 24 พ.ค.อัยการก็สั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล
“ในมุมของกฎหมายผมยังไม่เห็นว่ามีช่องไหนที่การข่มขู่จะส่งผลต่อคดีได้เลย จะมีข่มขู่หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อเกิดขึ้นหลัง 24 พ.ค. ก็ไม่มีผลอยู่แล้ว ส่วนจากนี้จะต้องดำเนินคดีต่อ พล.ต.ต.ปวีณหรือไม่อยู่ที่การพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ตอนนี้จากการตรวจสอบเชิงลึกของผม ยืนยันว่าไม่มีการข่มขู่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว และจากการสอบถามพนักงานสอบสวนคนอื่นๆ ก็ไม่พบว่ามีเหตุการณ์อื่น ๆ เกิดขึ้น และไม่มีใครระบายความในใจเกี่ยวกับการทำคดีนี้แต่อย่างใด
ส่วนกรณีการทำให้ประเทศชาติเสียหายนั้น หากหลักฐานมาถึงผมก็จะต้องดำเนินคดีกับทุกคนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายไป ขณะที่ความเห็นส่วนตัวมองว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่ พล.ต.ต.ปวีณจะถูกข่มขู่มาตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่พนักงานสอบสวน แต่เพิ่งมาเปิดเผยข้อมูลภายหลัง ไม่น่าเป็นไปได้เลยเพราะ พล.ต.ต.ปวีณ ทำหน้าที่ได้ไม่ถึง 20 วัน ยังไม่ทันสอบสวนพยานแม้แต่ปากเดียว ไม่ได้ลงนามในเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น ท่านทำเพียงเป็นผู้เซ็นเอกสารเพื่อขอออกหมายจับ พล.ต.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก” ประธานคณะกรรมการตรวจสอบฯ ระบุ
ด้าน พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์กล่าวว่า จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าเห็นผลชัดเจนว่ามีการเอาจริงเอาจังในการป้องกันปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประเทศไทยหลุดจากอันดับเทียร์ 3 โดยผลการรวบรวมข้อมูลพบว่า คดีค้ามนุษย์ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในปี 2557 มีสถิติการปราบปรามทั้งหมด 272 คดี ปี 2558 ถึง 22 ธ.ค. มีสถิติคดีทั้งหมด 301 คดี เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ การจับกุมผู้ต้องหาปี 57 จับกุมได้ 383 คน ปี 2558 จับได้ 499 คน เพิ่มขึ้นมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาเมื่อปี 2557 ถึงวันที่ 22 ธ.ค. 57 มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 98 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปี 58 สถิติสั่งฟ้อง 98 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน