รอยเตอร์ - องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เรียกร้องเจ้าหน้าที่ไทยในวันพฤหัสบดี (24 ธ.ค.) ต้องยกระดับคุ้มครองพยานระหว่างการพิจารณาคดีค้ามนุษย์ครั้งใหญ่ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหานายพลของกองทัพรวมอยู่ด้วย และหนึ่งในคณะสืบสวนก็มีอันต้องหลบหนีออกนอกประเทศเนื่องจากถูกข่มขู่เอาชีวิต
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คดีนีมีจำเลย 88 คนถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ที่ลักลอบค้าชาวมุสลิมโรฮีนจาที่หลบหนีการถูกประหัตประหารในพม่า โดยกักขังคนเหล่านี้ไว้ในค่ายกลางป่าลึกเพื่อเรียกค่าไถ่ ก่อนส่งต่อไปให้กับนายหน้าอีกกลุ่มในมาเลเซีย
การสืบสวนและจับกุมมีขึ้นตามหลังการพบหลุมศพหมู่ 3 ศพใกล้ค่ายกลางป่าของขบวนการค้ามนุษย์ ติดกับแนวชายแดนไทย-มาเลเซียเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม
องค์กร Fortify Rights กลุ่มเอ็นจีโอด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า จากพยาน 500 คนที่มีกำหนดขึ้นให้การ มีเพียงแค่ 12 คนเท่านั้นที่ได้รับการคุ้มกัน ส่วนอีก 2 คนต้องหนีไปซ่อนตัวเพราะถูกข่มขู่และบางทีคนอื่นๆอาจทำตาม “พยานคือกุญแจสำคัญของการรับประกันความยุติธรรมในคดีนี้ พวกเขาควรได้รับความใส่ใจจากเจ้าหน้าที่ไทยในระดับสูงสุด” เอมี สมิธ ผู้อำนวยการบริหารของ Fortify Rights ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายประยุทธ ป.สัตยารักษ์ รองอธิบดีอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างตัวเลขพยานของทาง Fortify Rights “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาได้ตัวเลขนี้มาจากไหน พยาน 80 คนเป็นเหยื่อ พวกเขาเป็นชาวต่างชาติและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นอกจากนี้แล้ว นายประยุทธยังบอกกับรอยเตอร์ด้วยว่า พยานกว่า 200 คนเป็นตำรวจ ส่วนที่เหลือก็เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวน พนักงานธนาคาร และคนไทยไม่ต้องการโครงการพิทักษ์พยาน
รอยเตอร์ระบุว่า มีชายชาวโรฮีนจารายหนึ่งซึ่งพักอาศัยอย่างถูกกฎหมายในไทยมานาน ต้องหนีไปหลบซ่อนหลังได้รับคำขู่ ส่วน พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าชุดสืบสวนคดีนี้ก็หลบหนีไปยังต่างแดนและกำลังขอลี้ภัยในออสเตรเลีย
“ข้อเท็จจริงที่ว่าตำรวจระดับสูงที่กำลังสืบสวนคดีนี้หลบหนีออกจากไทยเพราะเขาและครอบครัวไม่ได้รับการคุ้มกันอย่างพอเพียง แสดงให้เห็นถึงโครงการคุ้มครองพยานของรัฐบาลย่ำแย่อย่างไร” ฟิล โรเบิร์ตัน รองผู้อำนวยการสาขาเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอชต์กล่าว
รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ไทยตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากปัญหาค้ามนุษย์ผู้อพยพ ในนั้นจำนวนมากเป็นชาวมุสลิมโรฮีนจาจากทางภาคตะวันออกของพม่า และบังกลาเทศ ที่ถูกประหัตประหารทางศาสนาและเชื้อชาติ โดยผู้ลี้ภัยบางส่วนโดนทรมานและต้องอดอยากอยู่ในค่ายกลางป่า ขณะที่ชื่อเสียงของประเทศต้องเสื่อมโทรมลงไปอีกหลังมีรายงานเกี่ยวกับการล่วงละเมิดแรงงานและแรงงานทาสในอุตสาหกรรมอาหารทะเลอันสำคัญ
รอยเตอร์บอกต่อว่า แม้ปัจจุบันได้มีการปราบปรามและดำเนินคดี แต่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปีของสหรัฐฯ ยังคงอันดับไทยอยู่ใน “เทียร์ 3” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ต่อความล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดของสหรัฐฯ สำหรับขจัดการค้ามนุษย์
“รัฐบาลไทยจำเป็นต้องแสดงความจริงใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีขบวนการค้ามนุษย์ ด้วยการยกระดับความพยายามอย่างจริงจังในการปกป้องพยานที่จะชี้ตัวเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ฉ้อฉลและขบวนการค้ามนุษย์โรงฮีนจา” โรเบิร์ตสันบอกกับรอยเตอร์