MGR Online - ตำรวจกองปราบรวบมาเฟียอ้างชื่อ “สารวัตรโจ้ กองปราบ” พร้อมเพื่อนร่วมแก๊งเก็บเงินวิน จยย. รับจ้าง ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด หลังทหารนำกลุ่มวิน จยย. เข้าแจ้งความเบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์”
วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. มอบหมายให้ พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป.พ.ต.ท.อนรรฆ ประสงค์สุข รอง ผกก.1 บก.ป.พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ สว.กก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายพุฒิเศรษฐ์ สร้อยสุวรรณ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ซ.ลาดพร้าววังหิน 74 ถ.ลาดพร้าว - วังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2386/2558 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 และ น.ส.นาตยา กลิ่นประทุม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/2 ม.4 ต.บางแพ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2385/2558 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 ในฐานความผิด “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์” ได้ที่บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ ซ.พหลโยธิน 48 แยก 49 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พา นายพิเศษ รัตนงาน อายุ 37 ปี พร้อมกลุ่มวินจักรยายยนต์หน้าห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด รัชดาภิเษก กว่า 10 คน เข้ามาร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของนายพุฒิเศรษฐ์ และ น.ส.นาตยา หลังอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรโจ้ สังกัดกองปราบปราม เข้ามาเรียกเก็บเงินรายเดือนกับวินจักรยานยนต์รับจ้างเป็นจำนวนเงินคนละ 3,950 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าเช่าพื้นที่ของทางห้างเอสพลานาด และค่าน้ำค่าไฟ และส่งส่วยให้นายตำรวจและทหารที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวซึ่งทำกันมานานแล้ว หากใครไม่ทำตามก็จะถูกไล่ให้ออกจากวิน ทำให้หน่วยงานภาครัฐได้รับความเสื่อมเสีย
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวต่อว่า ภายหลังได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าวได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสจนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้มีการกระทำการในลักษณะดังกล่าวจริงจึงได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ก่อนนำกำลังออกติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณดังกล่าว
จากการสอบสวน นายพุฒิเศรษฐ์ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขู่รีดไถเงินจากวินจักรยานยนต์ แต่ที่ต้องเรียกเก็บเงินนั้นเป็นเพราะตนได้รับมอบหมายจากเจ้าของพื้นที่ให้เข้ามาดูแลจัดเก็บค่าเช่าใช้ประโยชน์พื้นที่มาประมาณ 7 - 8 ปีแล้ว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเงินที่ตนเก็บไปนั้นก็จะนำไปส่งต่อให้กับเจ้าของพื้นที่ไม่ได้นำไปส่งส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหารตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าตนแอบอ้างตัวเป็นสารวัตรโจ้ กองปราบปรามนั้นเกิดจากความเข้าใจของกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้างที่เรียกกันเองมากกว่าเนื่องจากเห็นว่าตนมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวเสริมด้วยว่า ในส่วนของการให้การของนายโจ้นั้น เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากภายหลังจากการจับกุมผู้ต้องหาอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ แต่ไม่มีหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ หลังจากนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเรียกทาง บ.เอกชนดังกล่าวที่เป็นเจ้าของที่เข้ามาชี้แจงพร้อมสอบปากคำในรายละเอียดว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นใด อย่างไรก็ตาม การจับกุมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีตำรวจกองปราบไปพัวพันกับเรื่องดังกล่าว หรือมีพฤติกรรมเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป