ผอ.ป.ป.ช.นครปฐมเบี้ยวนัดมอบตัว คดีอุ้มเสี่ยบิ๊กเรียกค่าไถ่

“หิรัญย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร” ผอ.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำ จ.นครปฐม ผู้ต้องหากับพวกรวม 9 คน ก่อเหตุอุ้ม “เสี่ยบิ๊ก” ประธานสโมสรเพื่อนตำรวจ ขู่เรียกค่าไถ่ 177 ล้าน เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันไม่ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ บก.ป.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา อ้างติดงานราชการด่วนขอเลื่อนวัน

วันนี้ (5 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหิรัญย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ประจำ จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2168/2558 ข้อหาอั้งยี่, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยมีอาวุธ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ลงวันที่ 9 ต.ค. 2558 กรณีร่วมกับพวกรวม 9 คน ก่อเหตุอุ้ม “เสี่ยบิ๊ก” นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือเดอะบิ๊ก นักธุรกิจพันล้าน เจ้าของบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ประธานบริหารสโมสรเพื่อนตำรวจ และผู้ถือหุ้นสโมสรเรดดิ้ง แห่งศึกแชมเปียนชิป ประเทศอังกฤษ ไปขู่ฆ่าเรียกเงิน 177 ล้าน ว่าผู้ต้องหาได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.5 บก.ป.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน นายหิรัญย์เศรษฐได้เกิดเปลี่ยนใจยกเลิกการเข้าพบโดยกะทันหัน โดยอ้างว่ามีงานราชการด่วนจึงขอเลื่อนการเข้ามอบตัวออกไปก่อน

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อนายสัมฤทธิ์ หรือเดอะบิ๊ก เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อหาว่ากระทำการสนับสนุนให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิดระเบียบวัตถุประสงค์การกู้ยืมเงินของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) รวมถึงกรณีถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 9 คน อุ้มตัวไปขู่ฆ่าเรียกเงิน 177 ล้าน

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับนายบุญส่ง สุขโขทัย หรือประยุทธ รัศมีแพรวพราว อายุ 65 ปี อดีต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จ.สมุทรสาคร นายหิรัญย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครปฐม และชายไม่ทราบชื่อตามภาพสเกตช์อีก 2 ราย ในข้อหาอั้งยี่ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยมีอาวุธ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ซึ่งหลังจากนั้นนายบุญส่งก็ได้เข้ามอบตัวสู้คดีไปแล้ว 1 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว