MGR Online - ชายฉกรรจ์บุกล้อมและพยายามทำร้ายวิน จยย.รับจ้างหน้าห้างเอสพลานาด หัวหน้าวินเห็นท่าไม่ดีจึงใช้อาวุธปืนยิงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนยืนรอมอบตัวเจ้าหน้าที่ ตร. คาดเป็นฝีมือของสาวัตรโจ้ที่ทำตัวเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าคุ้มครอง จึงได้เข้าร้องเรียนจนถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว
จากกรณีนายพิเศษ หรือตี๋ รัตนงาน อายุ 37 ปี หัวหน้าวินจักรยานยนต์รับจ้างหน้าห้างเอสพลานาด ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่นายนิติพงษ์ จิระ อายุ 29 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขา หลังจากนายนิติพงษ์พาพวกอีก 2 คนเข้ามาพยายามรุมทำร้ายร่างกาย จึงต้องใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัว ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากที่ก่อนหน้านี้นายพิเศษได้เข้าร้องเรียนต่อกองปราบปรามว่าถูกนายพุฒิเศรษฐ์ สร้อยสุวรรณ อายุ 40 ปี อ้างตัวว่าเป็นสารวัตรโจ้ สังกัดกองปราบปราม และ น.ส.นาตยา กลิ่นประทุม อายุ 25 ปี เข้ามาเรียกเก็บเงินรายเดือนกับวินจักรยานยนต์รับจ้าง เป็นจำนวนเงินคนละ 3,950 บาท จนทั้งคู่ถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ทั้งคู่จะได้รับการประกันตัวออกมา จนเป็นเหตุพาพวกมารุมทำร้ายนายพิเศษดังกล่าวตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (30 พ.ย.) ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.ห้วยขวาง นายพิเศษ หรือตี๋ รัตนงาน อายุ 37 ปี หัวหน้าวินจักรยานยนต์หน้าห้างเอสพลานาด เป็นตัวแทนสมาชิกในวินจักรยานยนต์ดังกล่าว จำนวน 39 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ศรีสวัสดิ์ บ้านเกาะ พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าถูกกลุ่มนายพุฒิเศรษฐ์ข่มขู่ และคู่กรณีคือนายนิติพงษ์ จิระ อายุ 29 ปี นายองอาจ ชูรอด อายุ 35 ปี นายสุรเดช พิชัยรัตนา อายุ 28 ปี พยายามเข้ามาทำร้ายร่างกาย ก่อนนำหลักฐานมอบให้ทางกองปราบปรามต่อไป
นายพิเศษให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนออกไปขี่รถส่งผู้โดยสาร ส่วนที่วินหน้าห้างมีลูกวินอยู่ประมาณ 10 กว่าคน จากนั้นก็มีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีดำ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ขับเข้ามาจอดที่ข้างถนนใกล้กับวินของตน ก่อนที่นายนิติพงษ์ นายองอาจ และนายสุรเดชจะลงมาจากรถพร้อมทั้งชี้ถามเรียงตัวว่า “ใครชื่อตี๋ ถ้ามีปัญหามากนักไม่ต้องขับมันทั้งวิน” จนกระทั่งเมื่อตนกลับมาที่วิน ทั้ง 3 คนก็เดินปรี่เข้ามาหาตน โดยตนถูกนายสุรเดชกับนายองอาจยืนล้อม ส่วนนายนิติพงษ์พยายามจะเข้ามาทำร้ายจึงต้องชักอาวุธปืนของตนที่มีทะเบียนถูกต้องเพื่อขู่ไม่ให้นายนิติพงษ์เข้ามา
นายพิเศษให้การต่อว่า แต่นายนิติพงษ์ไม่ยอมหยุด พยายามจะตรงเข้ามาทำร้าย ทำให้ตนต้องยิงลงพื้น แต่กระสุนกระเด้งขึ้นมาโดนขาของนายนิติพงษ์ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตนก็บอกให้ลูกน้องในวินเข้าไปช่วยกันจับตัวนายสุรเดชกับนายองอาจเอาไว้ ส่วนรถฮอนด้าซีวิคก็ขับหลบหนีออกไปทันที ก่อนที่ตนจะยืนรอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นตนก็ถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนฝั่งคู่กรณีถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายไป
นายพิเศษให้การอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ตนถูกทั้ง 3 คน เข้ามารุมทำร้ายนั้นน่าจะมีจากที่เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมาตนเป็นตัวแทนวินจักรยานยนต์รับจ้างไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ทหารและกองปราบปรามว่านายพุฒิเศรษฐอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรโจ้ เรียกเก็บเงินรายเดือนกับวินตนเป็นจำนวนเงินคนละ 3,950 บาท มานาน 7-8 ปีแล้ว โดยอ้างว่าเป็นค่าเช่าพื้นที่ของทางห้างฯ เอสพลานาด และค่าน้ำค่าไฟ และส่งส่วยให้นายตำรวจและทหารที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว จนเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ทางเจ้าหน้าที่กองปราบปรามได้จับกุมนายพุฒิเศรษฐ์กับ น.ส.นาตยา ตามที่เป็นข่าว และภายหลังต่อมาวันที่ 26 พ.ย.ทั้งคู่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลไป จึงน่าจะเป็นเหตุให้นายพุฒิเศรษฐ์พาทั้ง 3 คนมารุมทำร้ายร่างกายดังกล่าว
นายพิเศษกล่าวด้วยว่า ขณะนี้พวกตนรวบรวมตัวกันจัดตั้งคณะกรรมการของวินขึ้นมา พร้อมทั้งให้ตนเป็นหัวหน้าวิน และเตรียมจะยื่นเรื่องขอจดทะเบียนต่อสำนักงานเขตให้ถูกต้องตามกฎหมายภายหลัง ในวันนี้จึงต้องมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าถูกอีกฝ่ายข่มขู่ และจะนำหลักฐานส่งมอบให้ทางกองปราบปรามต่อไป เพื่อให้หลักฐานมัดตัวฝั่งนายพุฒิเศรษฐ์ให้แน่นหนาขึ้้น รวมทั้งอยากฝากไปยัง คสช.ให้ช่วยลงมาดำเนินการเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างจริงจัง เพราะพฤติกรรมในลักษณะนี้เป็นการเย้ยกฎหมายอย่างมาก