คนดัง “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. น้องเลิฟ พล.อ.ประวิตร ถึงจะพลาดเก้าอี้ ผบก.สปพ.(191) ที่แปะป้ายจองไว้ตั้งแต่ไก่โห่ เพราะ “บิ๊กหลวง” พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ.(191) อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท เจ้าของตำแหน่งยังไม่ครบขึ้น รอง ผบช. และไม่มีตำแหน่งที่จะขยับเปิดให้ จึงกอดเก้าอี้แน่นไม่ไปไหน
พอจะเบนเข็มไปกระแซะเก้าอี้ ผู้การฯไฮเวย์ ของ พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. ก็ไปชนตอ เพราะ “บิ๊กเกา” นอกจากเคยเป็น อดีตนายเวร พล.ต.อ.สมชาย มิลินทรางกูร อดีตรอง ผบ.ตร. แล้ว “บิ๊กหมู” พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. สายแข็ง ก็ต้องการให้อยู่คุมทางหลวงต่ออีกสมัย ประตูเลยปิดตายเก้าอี้ไฮเวย์
ภาพที่เห็นหลังการแต่งตั้ง 216 “นายพลสีกากี” ล็อตสอง หรือนายพลเล็ก ระดับ รองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) - ผู้บังคับการ (ผบก.) ยศ พล.ต.ต. ทั่วประเทศ ประจำปี 2558 ผ่านตราประทับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะประธาน ก.ตร. และ”บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นผู้เสนอบัญชีรายชื่อ ตอกย้ำความชัดเจนในสัจธรรมตำรวจ
“ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร”!!!
ตรวจแถวรายชื่อแต่ละตำแหน่ง แต่ละกองบัญชาการ ที่อยู่ในระดับเกรดเอตามชื่อชั้นหน่วยงาน และพื้นที่ความรับผิดชอบ เกือบทุกเก้าอี้ล้วนเป็น “นายตำรวจ” ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับขั้วอำนาจปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สายตรง พล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สายตรง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และสายตรง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขยับได้ดิบได้ดีกันทั่วหน้า
โดยเฉพาะพื้นที่ “นครบาล” กองบัญชาการระดับเกรดเอบวกคุมพื้นที่เมืองหลวง ที่มี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สายตรงนายกฯประยุทธ์ กุมบังเหียน “รักษาการ ผบช.น.” มีการปรับเปลี่ยน “ผู้การฯ” เกือบยกทั้งกระบิ แม้ พล.ต.ท.ศานิตย์ จะดึงเพื่อนร่วมรุ่น นรต.34 อย่าง พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย จาก ผบก.น.9 พื้นที่ฝั่งธนฯ มาเป็น ผบก.น.6 ดูแลพื้นที่เขตเศรษฐกิจกลางใจเมือง
พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นถ้วน ผบก.น.3 สายตรงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย พล.อ.ประวิตร ก็ขยับมาเป็น ผบก.น.5 ดูแลพื้นที่แถวทองหล่อ คลองตัน พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.อก.บช.ก. สายตรงทหาร ก็กลับถิ่นเก่านครบาลมาเป็น ผบก.น.2 ดูแลพื้นที่ห้วยขวาง สุทธิสาร
แม้ว่า “บิ๊กปู” พล.ต.ท.ศรีวราห์ สายตรงนายกฯประยุทธ์ ย้ายก้นลุกจากเก้าอี้ ผบช.น. ขึ้นมาเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. แล้ว จะช่วยรั้งเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 นั่งเก้าอี้ ผู้การฯหลักในเมืองหลวงไม่ได้ ทำให้ พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณพักตร์ ผบก.น.1 ต้องโดนออกนอกหน่วยไปเป็น ผบก. กองคดีแพ่ง พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 ไปเป็น ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม แต่ก็ยังสามารถรั้งให้เพื่อนเลิฟ “บิ๊กบัติ” พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.น. นั่งเก้าอี้ใหญ่ตัวนี้ต่อไปได้
จนทำ พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ป. น้องเลิฟ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่หายมั่นปั้นมือจะให้มาขึ้นเป็น ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.น. ต้องไปขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.ยะลา
แต่สาย “บิ๊กแป๊ะ” ก็ยังส่งมือทำงานข้างกายอีกคน พล.ต.ต.อำพล บัวสุวรรณ ผบก.ภ.จว.สงขลา มาคุมภาคตะวันออก นั่งเก้าอี้ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พื้นที่เกรดเอของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2
เช่นเดียวกับคนดัง “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ประจำสง.ผบ.ตร. น้องเลิฟ พล.อ.ประวิตร ถึงจะพลาดเก้าอี้ ผบก.สปพ. (191) ที่แปะป้ายจองไว้ตั้งแต่ไก่โห่ เพราะ “บิ๊กหลวง” พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. (191) อดีตนายเวรพล.ต.อ.พัชรวาท เจ้าของตำแหน่งยังไม่ครบขึ้น รอง ผบช. และไม่มีตำแหน่งที่จะขยับเปิดให้ จึงกอดเก้าอี้แน่นไม่ไปไหน
พอจะเบนเข็มไปกระแซะเก้าอี้ ผู้การฯไฮเวย์ ของพล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. ก็ไปชนตอ เพราะ “บิ๊กเกา” นอกจากเคยเป็น อดีตนายเวรพล.ต.อ.สมชาย มิลินทรางกูร อดีต รอง ผบ.ตร. แล้ว “บิ๊กหมู” พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. สายแข็ง ก็ต้องการให้อยู่คุมทางหลวงต่ออีกสมัย ประตูเลยปิดตายเก้าอี้ไฮเวย์
สุดท้าย “บิ๊กโจ๊ก” เลยต้องเบนเข็มไปที่เก้าอี้ ผบก.ทท. หรือผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งมีกำลังทั่วประเทศ มีรถวิทยุ เฉกเช่นเดียวกับรถสายตรวจกองปราบ 191หรือทางหลวง
พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ทพ.(ทะเบียนพล) มือทำบัญชีแต่งตั้งสายตรง พล.อ.ประวิตร ทำงานเข้าตา เลยได้โยกไปนั่งเป็น ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พื้นที่แรงงานต่างด้าวแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองไทย
แต่ในมุมตรงกันข้ามขั้วอำนาจยุคก่อน อย่างสาย “อ๊อด กาสิโน” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. เพิ่งเกษียณอายุราชการไปไม่กี่วัน และเคยประกาศตัวเป็นพี่เลิฟน้องแป๊ะ ผบ.ตร. คนใหม่ แต่พอไม่ได้ทำบัญชีเอง เพื่อร่วมรุ่น นรต.31 ที่ “อ๊อด กาสิโน” เคยโปรโมต อย่าง พล.ต.ต.จตุรงค์ โชติดำรง รอง ผบช.ก. ซึ่งเพิ่งขึ้นจาก ผบก.ประจำ บช.ก. มานั่งเก้าอี้ใหญ่ เป็น รอง บช.ก. เมื่อสมัย พล.ต.อ.สมยศ ทำบัญชีปีที่แล้ว มาโผนี้ “น้องแป๊ะ” จัดให้ไปเป็น รอง ผบช.สยศ.ตร. หรือสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ
เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.นิรันดร เหลื่อมศรี นายเวร ผบ.ตร. สมัยพล.ต.อ.สมยศ ลงไปเป็น ผบก.อก.บช.ก. ทั้งที่ระดับนายเวร ผบ.ตร. น่าจะลงไปนั่งเก้าอี้สำคัญกว่าหน้างานอำนวยการ แม้จะอยู่กองบัญชาการสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นกองบัญชาการใหญ่ก็ตาม
พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 แม้จะทำงานในพื้นที่ฝั่งธนฯได้ดี จนมีคำชื่นชมมากมาย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนตัวผู้บัญชาการ ก็ถูกเก็บเข้ากรุไปเป็น ผบก.ประจำ บช.น. เปิดทางให้ พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี สายตรงทหาร ขยับเข้าเมืองกรุงมานั่งเป็น ผบก.น.8 แทนที่
บทสรุปการแต่งตั้ง “นายพลเล็ก” ครั้งนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีนักการเมืองบริหาร หรือทหารเข้ามาบริหารประเทศ เก้าอี้“สีกากี”ก็ดูจะหอมหวาน และตกอยู่ภายใต้กลุ่ม “อำนาจ” ในแต่ละช่วงเวลานั้น ฝีมือ ผลงาน ดูจะมีน้ำหนักรองในการตัดสินใจแต่งตั้งแต่ละตำแหน่งน้อยกว่า พวกใคร เด็กใคร สายใคร เส้นสายก็ยังมาเป็นปัจจัยแรกเสมอ
แน่นอนก็จะสะท้อนไปถึงในการแต่งตั้งระดับ “นายพัน” ระดับ รอง ผบก.- สารวัตร ประจำปี 2558 ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กลุ่มก้อน สายขั้วอำนาจเดิม ๆ ในขณะนี้ ก็จะได้ขยับนั่งเก้าอี้สำคัญๆในแต่ละพื้นที่ เฉกเช่นระดับนายพล