ASTV ผู้จัดการ - แถลงข่าวกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติได้ผู้ต้องหาคดีตามหมายจับอินเตอร์โพล 3 ราย หลบหนีเข้าเมือง 12 ราย เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 5 ราย โอเวอร์สเตย์ 7 ราย ประสานอินเตอร์โพลเตรียมใช้ระบบตรวจคัดกรองบุคคล เพื่อสกัดคนร้ายมีหมายจับห้ามเข้าประเทศไทยเริ่ม 1 ธ.ค. 58
วันนี้ (18 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม แถลงผลการกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติ 3 ราย และต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมือง 12 ราย เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 5 ราย และโอเวอร์สเตย์จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายเอ็ดดวล มัลคอฟ สัญชาติรัสเซีย อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการรัสเซียและตำรวจสากล ในข้อหาลักลอบนำเข้าสารเคมีประเภทสเตียรอยด์ โดยได้ลักลอบนำสารเคมีต้องห้ามเข้าประเทศรัสเซีย และถูกจับกุมตัวได้ขณะขนย้าย ทางการรัสเซียจึงมีคำสั่งให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่นายเอ็ดดวลได้หลบหนีระหว่างประกันตัว ทางการรัสเซียได้ออกหมายจับและบันทึกลงในระบบ RED NOTICE ของอินเตอร์โพล พร้อมทั้งยกเลิกหนังสือเดินทาง ขณะเดียวกัน สตม.ได้รับข้อมูลและทำการตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวอาศัยอยู่ในประเทศไทยและเปิดร้านขายเบเกอรี่ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมทั้งแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและนำตัวส่งดำเนินคดี
รายที่ 2 นายยูคิน เอฟเยนี่ สัญชาติรัสเซีย อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการรัสเซียและตำรวจสากลในข้อหาฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์ว่าฉ้อโกงบริษัท ANK-1 ในประเทศรัสเซีย ด้วยการปลอมแปลงเอกสารและถ่ายโอนเงินเข้าบัญชีตนเอง มูลค่าความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านรูเบิล หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท ทางการรัสเซียได้ออกหมายจับและบันทึกลงในระบบ RED NOTICE ของอินเตอร์โพล พร้อมทั้งยกเลิกหนังสือเดินทาง ขณะเดียวกัน สตม.ได้รับข้อมูลและทำการตรวจสอบ พบว่าบุคคลดังกล่าวอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวจนสามารถพบตัวผู้ต้องหาบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี พัทยากลาง พร้อมทั้งแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและนำตัวส่งดำเนินคดี
รายที่ 3 นายเทรเวอร์ ยาร์ดลีย์ สัญชาตออสเตรเลีย อายุ 71 ปี เป็นบุคคลที่ทางการออสเตรเลียได้แจ้ง สตม.ให้เฝ้าระวัง เนื่องจากเป็นบุคคลอันตรายและต้องโทษจำคุกในข้อหาอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียได้ประสานให้ สตม.เฝ้าระวังการเดินทางของบุคคลดังกล่าวว่าอาจจะเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เคยต้องโทษเป็นเวลา 7 ปี ในความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี
ทั้งนี้ ในการสืบสวนข้อมูลทางการเงินพบว่ามีการโอนเงินให้บุคคลที่อยู่ในประเทศไทย จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพบผู้ต้องหาหลบซ่อนภายในบ้านพัก จ.อุดรธานี บ้านพักของภรรยาชาวไทย จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ไม่พบรอยตราประทับตรวจอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ต้องหายอมรับว่าได้ลักลอบเข้ามาภายในประเทศไทยโดยผ่านเส้นทางธรรมชาติ เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมและส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้แถลงผลการจับกุมชาวต่างชาติแอฟริกันที่กระทำความผิดโดยการลักลอบเข้าเมือง 12 ราย และเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 5 ราย และโอเวอร์สเตย์ 7 ราย โดยบางส่วนถูกกักตัวที่เรือนจำไปแล้ว โดยเป็นชาวนอร์เวย์ และไต้หวัน พร้อมทั้งส่งตัวดำเนินคดีทางกฎหมาย จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะแสดงตนเป็นนักท่องเที่ยว เมื่อครบกำหนดที่อยู่ในประเทศไทย 30 วันแล้ว ผู้ต้องหาจะทำลายหนังสือเดินทางทิ้ง และซ่อนตัวอยู่ภายในประเทศไทยต่อโดยไม่กลับประเทศ
ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า ได้มีการเชิญตัวผู้แทนของอินเตอร์โพลที่ประจำในประเทศไทย รวมทั้งตำรวจไทย เจ้าหน้าที่เทคโนของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศ ได้มาพูดกันในเรื่องที่ว่า เราจะทำอย่างไรทันทีที่ อินเตอร์โพลออกหมายจากอินเตอร์โพลจะรู้ได้อย่างไร ได้ข้อสรุปว่าทางอินเตอร์โพลยอมให้เราเชื่อมข้อมูลโดยตรงจากฐานข้อมูลหมายจับ หรือว่า Red Notice ของอินเตอร์โพลที่อยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส และทางด้านเทคนิคก็สามารถทำได้ทันทีที่มีการอัปเดตเรื่องหมายจับของ อินเตอร์โพลเราจะทราบว่าคนเหล่านี้เข้าประเทศได้ ขั้นตอนตรงนี้ได้เสร็จสิ้นแล้วและเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านกองการต่างประเทศ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลงนาม MOU กับอินเตอร์โพล
เพื่อเราจะได้เคลื่อนไหวโดยตรงกับทางฐานข้อมูลของอินเตอร์โพลที่ลียง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเราจะสามารถทราบได้ทันทีที่มีการออกหมายจับ หรือ Red Notice ของ อินเตอร์โพล อันนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสกัดกั้นคนร้ายไม่ให้เข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทยได้ ถ้าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเราจะไม่ให้เข้าเมือง และในกรณีนี้ยังใช้พ่วงกับโครงการตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าได้ด้วยที่จะมีการใช้ในวันที่ 1 ธ.ค. 58 เป็นต้นไป เราเชื่อมระบบนี้ก็จะสามารถสกัดกั้นคนไม่ดีไม่ให้เข้าประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น