โฆษก ตร.เชื่อ “อ๊อด” ผู้ต้องหาคดีบึ้มยังหนีไปไม่ไกล คาดกบดานอยู่แถวภาคกลาง เร่งสอบจากสายสืบที่พื้นที่ที่เคยจับกุมได้ ระบุแม้ไม่มีบัญชีธนาคาร แต่มีคนนำเงินไปให้เพื่อซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิด ส่วนชายแขกขาวเดินเข้าศาลทหาร ตรวจภาพวงจรปิดย้อนหลังแล้วยังไม่พบกระทำผิด ส่วนสำนวน “อาเดม-ยูซูฟู” คืบหน้ามากแล้ว ฝากขังอีก 2 ผลัดก็จบ
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ว่าสำหรับการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาที่เป็นคนไทย ยังตอบไม่ได้ว่าเข้าใกล้ตัวนายอ๊อดมากน้อยแค่ไหน แต่มีการปูพรมทุกจุดที่เคยมีข้อมูล อย่างเช่นแต่ละสถานีที่มีการจับกุม โดยมีการย้อนไปคุยกับสายสืบที่เคยจับกุมตัวนายอ๊อดว่าเคยจับกุมตรงไหนและมีใครเป็นเพื่อนบ้าง ก็ไปไล่ตามเพื่อนทั้งหมด ถ้าใกล้จริงๆ จะแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบ ตนคิดว่านายอ๊อดไม่น่าจะหนีไปไหนได้ไกล อาจจะกบดานอยู่แถวแหล่งต่างๆ ในภาคกลาง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำทุกวิถีทาง ไปทุกกลุ่มที่นายอ๊อดเคยไปอยู่เคยไปคุย หรือที่เคยไปกระทำผิดร่วมกัน
เมื่อถามว่านายอ๊อดมีบัญชีเงินฝากหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นายอ๊อดเป็นบุคคลที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จะมีอะไรไม่ได้เลย เพราะถ้าเปิดบัญชีต้องใช้บัตรประชาชน ตอนนี้ชื่อพ่อกับแม่ก็ไม่ตรง แต่แม่ยืนยันว่าเป็นแม่ตัวจริง ถามต่อว่าในส่วนของเงินที่นำไปซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดได้มาจากไหน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องสืบสวนสอบสวนต่อก็อาจจะได้จากค่าจ้าง คาดว่าน่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องนำเงินมาให้นายอ๊อดอีก
เมื่อถามว่านายอ๊อด มีคนสนิทหรือญาติอยู่ในภาคกลางบ้างหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า มี แต่เมื่อถูกจับหรือถูกคุมขังและก็ปล่อยออกไป เราก็พยายามไปดูว่าช่วงที่ถูกคุมขังนายอ๊อดมีเพื่อนใหม่ในเรือนจำหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่พบแม้กระทั่งประวัติที่โรงพยาบาลที่นายอ๊อดเกิดก็ยังไม่มี ถามต่อว่าได้อะไรเพิ่มเติมจากการที่พบแม่นายอ๊อด โฆษก ตร.กล่าวว่า ได้ข้อมูลเพิ่มแต่ตรวจสอบแล้วก็ยังไม่ยืนยัน แม่ก็อายุ 80 กว่าปีแล้วและไม่ได้อยู่กับนายอ๊อดนานแล้ว และไม่ได้กลับมาเยี่ยมแม่
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงการติดตามตัวชายรูปร่างคล้ายแขกขาวที่เดินเข้าไปในศาลทหารนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่พบอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ที่บอกว่าทราบชื่อแล้วตนก็ยังตรวจสอบกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) อยู่ น่าจะให้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ช่วยตรวจสอบจากข้อมูลการเข้าเมืองให้ด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่พอจะทราบหรือไม่ว่าผู้ต้องหาเข้ามาในศาลเพราะอะไร พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยังไม่ทราบ เวลาที่เข้ามาก็ไม่นาน ดูจากภาพกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ย้อนหลังก็ไม่มีพฤติกรรมที่ไปทำอะไรผิด เพียงแต่เข้ามาสังเกตการณ์หรือเข้ามาเดินวนไปวนมาและก็ออกไป ไม่มีอะไรที่ดูแล้วแบบว่าเอาอะไรไปวางไว้หรือไปรื้อค้นตรงไหน เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าชายดังกล่าวเป็นช่างภาพชาวอเมริกันที่เข้ามาเพื่อถ่ายภาพจริงหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า ต้องรอคำยืนยันก่อน เพราะตนยังไม่เห็นเอกสารยืนยันเลย ต้องให้ทาง บช.น.ตรวจสอบให้ครบถ้วนก่อน ส่วนที่บอกว่าทราบชื่อแล้วนั้นยังไม่ยืนยันเหมือนกัน ภายในวันนี้ตนคงรู้ทั้งหมด ขอให้ครบถ้วนและจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่าส่วนเรื่องของนายยงยุทธ พบแก้ว หรืออ๊อด พยุงวงศ์ จะมีการนำภาพมาตรวจสอบกับเครื่องไบโอแมทริกซ์หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เอามาเทียบกันแล้วดูด้วยตาเปล่ายังไม่ตรง เตรียมส่งไปทำในเรื่องของไบโอแมทริกซ์ กำลังจะส่งไปให้ทำว่ามีความเหมือนขนาดไหนโดยให้ค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ ภาพถ่ายดูยากบางคนมีมุมเหมือนกัน ภาพอย่างเดียวมันอาจจะดูได้เป็นการเทียบเคียงได้ระดับหนึ่งเท่านั้น จะใช้ยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ก็ลำบาก
สำหรับในส่วนของสำนวนในขณะนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำนวนการสอบสวนขณะนี้ไปได้เยอะแล้ว สำหรับผู้ต้องหา 2 คนที่จะส่งฟ้อง คือ นายอาเดม คาราดัก และนายเมียไรลี ยูซูฟู ฝากขังไม่เกิน 2 ผลัดก็จะจบ ขณะนี้มีการตั้งหัวหน้าชุดและก็ตั้งทีมงานรวมถึงปรับทีมงานทั้งหมด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จะมีการนัดประชุม เพราะว่าเดิมเป็นชุดเก่ายังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง อาจจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับผู้ต้องหาอีก 15 คนที่ถูกออกหมายจับรวมถึงการขยายผล แต่ตอนนี้ไม่ได้หยุดทีมสืบสวนสอบสวนชุดเก่าก็ยังทำอยู่
เมื่อถามว่านายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรืออิซาน ทางสถานทูตมีการยืนยันการเดินทางเข้าออกประเทศมาแล้วหรือไม่โฆษก ตร.กล่าวว่า วันนี้สำนักงานแห่งชาติจะทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้แจ้งทางสถานทูตตุรกีในหลายประเด็นที่เราอยากจะขอเชิญหารือ เช่น เรื่องของเอกสาร พาสปอร์ตทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับประเทศตุรกีทั้งหมด และเรื่องแหล่งที่อยู่ของนางวรรณา สวนสัน หรือนางไมซาเราะห์ กับสามี คือนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ว่าอยู่ตุรกีหรือไม่ รวมทั้งการเดินทางไปประเทศต่างๆ ของผู้ต้องหาที่มีข้อมูลยืนยันว่าไปตุรกี ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีการนัดกับทางทูตหรือเลขาฯ ทูตให้มาพูดคุยบางส่วนในครั้งต่อไป ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ แต่ต้องรอเนื่องจากการนัดหมายต้องใช้เวลา ในส่วนของจีนเราได้ทำไปหมดแล้วและรอคำตอบอยู่ เรื่องของตำรวจสากลมีการส่งข้อมูลไปหมดแล้ว เรายังรอตอบกลับแต่ยังไม่มีประเทศใดตอบกลับมา แสดงว่ายังไม่เจอตัว
นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการรวบรวมพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังไม่ได้ส่งรายละเอียดเส้นทางการเงินทั้งหมดมาให้กับ ตร. รอให้ทาง ปปง.ทำเรียบร้อยและส่งมาให้กับทาง ตร. คงต้องใช้ส่วนนี้ในการสืบสวนต่อว่าใครที่เกี่ยวข้องเรื่องของการโอนเงินหรือเส้นทางการเงิน หลังจากนั้นคงดำเนินการเรื่องของการขยายผลและสอบสวน ถ้าครบองค์ประกอบความผิดเราก็จะออกหมายจับเพิ่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้
เมื่อถามว่าส่วนที่ทาง ปปง.แถลงข่าวและปกปิดรายชื่อนั้นมีประมาณ 10 คน โฆษก ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ก็ไปขยายเพิ่มโดยตีโครงข่ายออกไปนอกประเทศและก็ได้ข้อมูลมาเพิ่ม แต่ทาง ปปง.ยังไม่ได้ส่งมาให้ บช.น. ตนได้สอบถามไปยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้วว่ายังไม่ได้รับ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อผู้ที่จะถูกออกหมายจับได้ เพราะยังอยู่ในการประเมินพยานหลักฐาน ส่วนใหญ่ที่ออกหมายจับจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาตินั้นยังไม่สามารถตอบได้ คือทาง ปปง.ทราบว่าเขาพอได้ข้อมูลและกำลังเตรียมส่งมาก็มาเป็นข่าวก่อน
เมื่อถามว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมีการให้การที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และก็ให้การตามที่ไปทำแผน ถือว่าให้การเยอะ เขาบอกว่ารู้เท่านั้น ก็เป็นปกติเขาคงไม่อยากจะพูดอะไรไปพาดพิงถึงหลายคน พยายามสงวนใครไว้ แต่ให้ความร่วมมือดี ในสิ่งที่พฤติกรรมที่เขาทำผิดก็รับสารภาพทุกอย่าง
เมื่อถามว่าหลังจากที่ทนายความของนายอาเดมเข้าไปพบนายอาเดม มีการให้การอะไรใหม่หรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า เท่าที่เช็กก็เหมือนเดิม คงไปพบในเรื่องของขั้นตอนดำเนินคดี ถามต่อว่าตัวทนายมีการแต่งตั้งมาอย่างถูกต้องหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า น่าจะตรวจสอบจากภาคส่วนแล้ว ก็คงไม่น่ามีปัญหา ทางผู้ตรวจสอบอีกส่วนคือทางราชทัณฑ์ ถ้าเป็นทนายที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่อนุญาตให้เข้าพบ
เมื่อถามว่าใกล้จะถึงเทศกาลกินเจแล้ว อาจจะมีชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวมีการวางมาตรการป้องกันอย่างไร โฆษก ตร.กล่าวว่า เป็นประจำทุกปีเรื่องของเทศกาลกินเจที่จะมีพิธีกรรมต่างๆ ตามจังหวัดที่มีการประกอบพิธี หลังจากนี้จะมีคำสั่งของ ตร. ในส่วนนี้ตนรับผิดชอบอยู่ ออกไปทุกๆ จังหวัดให้อำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัย และอาจจะมีเรื่องของการระดมกวาดล้างในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางมาท่องเที่ยวหรือมาร่วมพิธีกรรมและกิจกรรมต่างๆ เช่น ภูเก็ต นครสวรรค์ ที่มีการจัดเทศกาลกินเจอย่างยิ่งใหญ่