รอง ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยม “สน.ลาดพร้าว” พื้นที่ที่มีสถิติรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับทรัพย์สูงสุดใน กทม. เน้นมาตรการเฝ้าระวังป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่เสี่ยงจุดล่อแหลม ปรับปรุงการให้บริการประชาชนบนโรงพัก
วันนี้ (17 ต.ค.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ 10) และ พล.ต.ท.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่ สน.ลาดพร้าว เพื่อเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์ และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานการให้บริการแก่ประชาชนตามนโยบายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผบช.น. และ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว ให้การต้อนรับและบรรยายสรุป
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า จากการตรวจสอบสถิติความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ในพื้นที่รับผิดชอบของ บช.น.ในปีที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2557 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2558 รวม 12 เดือน พบว่า สน.ลาดพร้าว มีสถิติรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับทรัพย์มากที่สุด 701 คดี รองลงไปอีก 9 อันดับ ได้แก่ สน.ทองหล่อ 575 คดี, สน.มีนบุรี 542 คดี, สน.บางเขน 461 คดี, สน.บางนา 413 คดี, สน.ท่าข้าม 389 คดี, สน.บางซื่อ 386 คดี, สน.บางขุนเทียน 367 คดี, สน.ประเวศ 348 คดี และ สน.ปทุมวัน 343 คดี โดยทั้งหมดเป็นภาพรวมของคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ประกอบด้วยความผิดฐานปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ รับของโจร คดีเหล่านี้ถือเป็นคดีพื้นฐานที่สร้างความเดือนร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรการในการระมัดระวังป้องกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและจุดล่อแหลมต่างๆ ซึ่งในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมีอยู่ 3,453 แห่ง สำหรับในส่วนของ บช.น.มี 672 แห่ง และในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว อยู่จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณซอยลาดพร้าว 101 พื้นที่อยู่อาศัยบริเวณแฟลตคลองจั่น และแนวสะพานปูนเลียบคลองแสนแสบ โดยเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุเกี่ยวกับทรัพย์มากที่สุด ทั้งลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ และโจรกรรมรถจักรยานยนต์
“ในขณะนี้ทุกพื้นที่เสี่ยงและจุดล่อแหลมต่างๆ ได้มีการจัดระบบสายตรวจและอาสาสมัครเพื่อเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวดภายใต้กรอบเวลาที่เหมาะสม จัดชุดตำรวจฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง สำหรับเหตุส่วนใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืนนั้น ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดและไฟฟ้าส่องสว่างให้ครบถ้วน ทั้งนี้ เพื่อให้การป้องกันอาชญากรรมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดความหวาดกลัวภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวด้วยว่า อีกเรื่องหนึ่งที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ต้องการให้ทุกสถานีตำรวจดำเนินการปรับเปลี่ยนให้เร็วที่สุดก็คือการให้บริการแก่ประชาชน โดยมุ่งหวังให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ทั้ง 1,467 แห่ง เป็น “โรงพักเพื่อประชาชน” ให้ได้อย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่สถานที่จอดรถของประชาชนที่มาติดต่อราชการ การให้บริการที่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว การปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวนที่จะต้องเกิดความเป็นธรรม รวมทั้งการปรับทัศนคติของข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในทุกระดับและในทุกสายงาน เพื่อให้มีจิตใจที่พร้อมให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งหากทุกคนปฏิบัติงานให้เป็นที่พึงพอใจของประชาชนตามหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างแท้จริงแล้ว ในที่สุดก็จะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่ตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวมซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดขององค์กร และเป็นเรื่องสำคัญที่ท่าน ผบ.ตร.ต้องการให้เกิดขึ้นและเห็นผลให้ได้ภายใน 3 เดือน