ASTVผู้จัดการ - “สันธนะ” บุกกองปราบพานักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แจ้งความดำเนินคดีกัปตัน - หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่อง และสายการบิน ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จกล่าวหาพกระเบิดขึ้นเครื่อง
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รอง ผกก.สันติบาล ได้พา นายศุภกิจ พระคง อายุ 53 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ภิญญา ทิมรัตน์ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.แจ้งความดำเนินคดี กัปตันสายการบินแห่งหนึ่ง, หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และบริษัทสายการบินดังกล่าว ในข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ โดยนำสำเนาตั๋วโดยสาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
นายศุภกิจ กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในระหว่างที่ตนกำลังขึ้นเครื่องบินของสายการบินดังกล่าว เที่ยวบินที่ พีจี 185 กรุงเทพฯ - เกาะแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปติดต่อธุรกิจ โดยระหว่างนำกระเป๋าถือซึ่งภายในมีเอกสารและของใช้ส่วนตัวติดตัวไปขึ้นเครื่อง และกำลังจะนำไปวางไว้บนที่วางสัมภาระที่อยู่เหนือศีรษะ ได้มีพนักงานต้อนรับบนเครื่อง (สจ๊วร์ต) จะนำกระเป๋าใบดังกล่าวของตนไปไว้บนที่วางสัมภาระให้ แต่บอกให้ตนรูดซิปกระเป๋า ซึ่งตนแจ้งว่ากระเป๋าไม่สามารถรูดซิปได้ แต่พนักงานคนดังกล่าวกลับเข้าใจผิดคิดว่าตนไม่ยอมปฏิบัติตาม
นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า หลังจากถกเถียงกันเล็กน้อย จึงพูดขึ้นมาว่า “กระเป๋าใบนี้ไม่มีระเบิดหรอก” ทำให้พนักงานต้อนรับรายนี้ ได้แจ้งกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่อง และมีการแจ้งต่อกัปตันเที่ยวบินดังกล่าว ก่อนจะมีการเชิญตนลงจากเครื่อง โดยช่วงระหว่างเกิดเหตุนั้นก็ทำให้เครื่องต้องดีเลย์ หลังจากนั้น ทางกัปตันสายการบิน พร้อมด้วยพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ได้พากันเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีกับตน โดยมีการบันทึกคำให้การระบุว่า ตนครอบครองระเบิด 2 ลูก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ต้องระงับเที่ยวบินดังกล่าวไปจนเกิดความเสียหายกับผู้โดยสารรายอื่น และทางสายการบินด้วย
นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า ทางฝ่ายกัปตัน และพนักงานต้อนรับบนเครื่อง แจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับเรียกร้องให้ตนรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินผู้โดยสารทั้งลำ ซึ่งมีจำนวน 54 ราย ในราคาใบละ 6,000 บาท รวมเป็นเงิน 324,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณค่าโรงแรมที่พักของผู้โดยสารที่ต้องตกค้างไม่ได้เดินทาง รวมกับค่าน้ำมัน และค่าที่จอดรถอีกด้วย ซึ่งทางสายการบินอยู่ระหว่างสรุปยอดค่าเสียหายใหม่ และจะมาให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการแจ้งความไว้ ตนก็ได้ขอลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวนต่อท้ายในทันที โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้พูดข่มขู่ว่ามีระเบิดในกระเป๋าตน
“เรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมได้ชี้แจงกับพนักงานต้อนรับไปแล้วว่ากระเป๋าใบนั้นรูดซิปไม่ได้ แต่เกิดความเข้าใจผิดกัน และที่พูดว่าไม่มีระเบิดหรอก ก็ไม่ได้บอกว่าในกระเป๋ามีระเบิด หรือข่มขู่อะไรเลย หากจะตรวจสอบก็บอกกันได้ ผมก็ยินดีให้ตรวจค้นภายในกระเป๋า ที่สำคัญคือ ขั้นตอนของการท่าอากาศยานก็มีการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระมาแล้ว จึงไม่ทราบสาเหตุที่มีการแจ้งความดำเนินคดี รวมทั้งจะให้ผมรับผิดชอบค่าเสียหายต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นธรรม” นายศุภกิจ กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.ภิญญา กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่อง และสอบปากคำผู้ร้องไว้ก่อนจะตรวจสอบข้อเท็จจริง และนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการตามขั้นตอนต่อไป