ASTV ผู้จัดการ - รรท.ผบช.สตม.มอบนโยบายหัวหน้าด่าน ตม.สิ้นเดือนนี้จะเริ่มกวดขันจับกุมชาวต่างชาติที่อยู่โดยผิดกฎหมาย รวมทั้งจับกุมอาชญากรรมข้ามชาติตามหมายจับของไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ามนุษย์
วันนี้ (5 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รรท.ผบช.สตม. ประชุมมอบนโยบายการบริหารราชการให้ข้าราชการตำรวจระดับสูง หัวหน้าหน่วยงาน หัวหน้า ตม.จว. หัวหน้าด่าน ตม. ตลอดจนฝ่ายอำนวยการที่เป็นฝ่ายสนับสนุนการ ปฏิบัติงานของ สตม. เพื่อรับการถ่ายทอดนโยบายการบริหารราชการของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และรับมอบนโยบายการบริหารราชการ ของ ผบช.สตม. โดยให้หัวหน้า ตม.จว./หัวหน้าด่าน ตม. ร่วมประชุมผ่านจอภาพทางไกล (Video Conference) สานต่อนโยบายและแผนงานของ สตม. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายของ ตร.
พล.ต.ต.ณัฐธรกล่าวว่า นโยบายและแผนงานของ สตม.จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เนื่องจาก สตม.เป็นหน่วยงานในสังกัด สตช. จากประสบการณ์ที่ปฏิบัติงานใน สตม.มาหลายปีตั้งแต่ ผบก.ตม.2 ดูแลท่าอากาศยานนานาชาติทั่วประเทศ และ รอง ผบช.สตม. ทำให้เข้าใจงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นอย่างดี และมีหลายๆ อย่างที่ตั้งใจจะทำ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้รับหน้าที่ ผบช.สตม.จึงสามารถเริ่มงานได้ทันที และนี่คือแผนงานที่จะทำในช่วงระยะ 1 ปีจากนี้ไป โดยแผนงาน 3 เดือนแรกจะเริ่มต้นจาก
ในสัปดาห์แรกได้สั่งการให้ผู้บัญชาการ (ผบช.) ทุกหน่วยในสังกัดไปตรวจสอบ (X-Ray) หน่วยของตนเองอีกครั้ง เกี่ยวกับงานในความรับผิดชอบและผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองในประเด็นต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงทั้ง 6 ประเด็น สิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ไม่ได้ หากพบหลักฐานต้องดำเนินการ ทั้งทางวินัยและอาญา ต้องสกัดคนเหล่านี้ออกจากสังคม ตม. ให้เวลา ผบก.7 วันในการตรวจสอบ (X-Ray) ประเด็นที่เป็นข้อสงสัยของสังคม แล้วรายงานมาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งได้ออกหนังสือสั่งการแล้ว
ในสัปดาห์ที่ 2 ตนจะลงตรวจพื้นที่พร้อมสื่อมวลชน หากสงสัยประเด็นไหนจะตามไปดูที่นั่น เพื่อให้กระจ่าง ตอบข้อสงสัยของสังคมได้ พร้อมกับตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน ส่วนการประชุมบริหารประจำเดือน จะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไม่มีการเรียกหัวหน้าด่านเข้ามาประชุมที่กรุงเทพฯ ให้ทุกคนอยู่ ณ ที่ตั้งคอยกำกับ ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด การตรวจเยี่ยมจะดำเนินต่อไปเป็นระยะตลอดทั้งปี
ในสัปดาห์ที่ 3 ระดมกวาดล้างทั่วประเทศเกี่ยวกับชาวต่างชาติที่อยู่โดยผิดกฎหมาย ทั้งการลักลอบ เข้าเมืองหรืออยู่เกินกำหนด, อาชญากรรมข้ามชาติตามหมายจับของไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ามนุษย์ การระดมนี้ก็เพื่อจะจับกุมส่งกลับบุคคลไม่พึงประสงค์ออกนอกประเทศ และรอต้อนรับนักท่องเที่ยวดีๆที่เขาจะเข้ามาในช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่จะมาถึงนี้ การระดมกวาดล้างทั่วประเทศจะทำเป็นประจำทุกเดือน
ระยะที่ 4 (ต้นเดือนพฤศจิกายน 2558) หลังจากมีการแต่งตั้งรอง ผบช.และ ผบก.เข้ามาครบแล้ว จะเชิญเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และ Police attaché ของประเทศต่างๆ ที่ประจำอยู่ในประเทศไทย มาทำความรู้จัก พบปะพูดคุย เพื่อประโยชน์ในการประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก จะได้เกิดความร่วมมือเต็มรูปแบบในการสกัดเอาคนที่ไม่ดีออกนอกประเทศ และหยุดยั้งบุคคลไม่พึงประสงค์ตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งจะสอดคล้องกับระบบการตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า รวมทั้งความร่วมมือในการจัดการฝึกอบรมโดยวิทยากรจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์จะมีการพบปะกันทุกๆ 3 เดือน
ระยะที่ 5 (เดือนธันวาคม 2558) เข้าสู่ช่วงของการฝึกอบรม (Training) เนื่องจากจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพล จึงต้องมีการจัดการฝึกอบรม 1. การอบรมต่อไปนี้จะใช้วิทยากรต่างชาติผสมผสานกันวิทยากรไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้รับความรู้ที่เป็นสากลเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ส่วนวิทยากรไทยจะว่าเรื่องกฎระเบียบ และการปรับทัศนคติเจ้าหน้าที่และเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร 2. จัดการฝึกอบรมทั้งในกรุงเทพฯ และตามแนวชายแดนใกล้กับด่านตรวจ แล้วเชิญเจ้าหน้าที่ ตม.ของประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาอบรมด้วยกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสรู้จักกัน คุ้นเคยกัน เรียนรู้ในสิ่งเดียวกัน จะได้ทำงานด้วยกันไปในทิศทางเดียวกันอย่างราบรื่น และในที่สุด ตม.ไทย ก็จะเป็นต้นแบบให้กับ ตม.ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้การฝึกอบรมจะดำเนินต่อไปเป็นระยะๆ ตลอดทั้งปี
พล.ต.ต.ณัฐธรกล่าวต่อว่า ส่วนแผนงาน 6 เดือนถึง 1 ปี (TIB) ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องดำเนินการ ดังนี้ 1. โปร่งใสและตรวจสอบได้ด้วยเทคโนโลยี (Transparency Accountability) นำเทคโนโลยีเข้าปรับใช้กับงานตรวจคนเข้าเมือง เช่นเดียวกับประเทศที่มีระบบตรวจคนเข้าเมืองที่ดีมีประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยีเหล่านี้นอกจากจะลดภาระของเจ้าหน้าที่ได้แล้ว ยังช่วยตัดโอกาสในการแสวงหาประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ได้ด้วย เนื่องจากลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ลดการเผชิญหน้าระหว่างผู้รับบริการและเจ้าหน้าที่ สามารถเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบข้อมูลจากส่วนกลาง ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ ระบบจะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชัน ได้ดีกว่าการปรับทัศนคติหรือการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร บางอย่างมีใช้อยู่แล้วก็จะขยายไปใช้ยังที่อื่นๆ ด้วย เช่น ช่องทางตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ไม่ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ ไม่มี Human error โดยเฉพาะการตรวจคนเข้าเมืองด้วยข้อมูลทางชีวภาพ จะช่วยหยุดยั้งบุคคลต้องห้าม เดินทางเข้าออกประเทศได้อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง และที่สำคัญ ตม.จะต้องตอบคำถามได้ทุกมิติเกี่ยวกับชาวต่างชาติ ว่าบุคคลได้เดินทางเข้าประเทศมาเมื่อไร ที่ไหน เข้ามาด้วยเหตุผลอะไร และขณะนี้อยู่ที่ไหน เทคโนโลยีคือคำตอบ
2. มาตรฐานสากล (International Standard) ปรับขั้นตอนและกระบวนการทำงานให้เป็นมาตรฐานสากล รวมทั้งการปรับแก้ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับนานาอารยประเทศ โดยเฉพาะเกี่ยวกับบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนระเบียบและกฎหมาย ต้องอยู่ในระดับที่คนเกรงกลัวต่อบทลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นค่าปรับหรือการขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ (Blacklist) สำหรับผู้ที่อยู่เกินกำหนด (Overstay) ปรับมาตรฐานการลงทัณฑ์เจ้าหน้าที่ เมื่อมีการตรวจหนังสือเดินทางปลอมเข้ามาจะต้องมีโทษทันที จะกล่าวอ้างว่าไม่รู้ไม่ทราบว่าเป็นของปลอมไม่ได้ ให้สันนิษฐานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกคน เป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจหนังสือเดินทาง เพื่อตัดข้อครหาว่า ไม่รู้ว่าปลอมจริงๆ หรือ แกล้งไม่รู้ เพื่อปล่อยให้คนใช้หนังสือเดินทางปลอมเข้าประเทศ
3. หลักดุลยภาพ (Balance) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีงานอยู่ 2 ด้าน คือ งานบริการคนเข้าเมือง และงานด้านความมั่นคง แม้ว่าเราจะให้ความสำคัญต่องานด้านความมั่นคงของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ต้องไม่ทำให้งานบริการคนเข้าเมืองเสียหาย เราจะพยายามให้เกิดความสมดุล เนื่องจาก รายได้หลักของประเทศยังมาจากการท่องเที่ยว คือ ต้องทำให้คนดีอยู่ง่าย คนร้ายอยู่ยาก
ภายหลังการแถลงมอบนโยบาย พล.ต.ต.ณัฐธรได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถาม สื่อมวลชนได้สอบถามถึงกรณีที่มีการเรียกเก็บส่วยในหน่วยงาน สตม.ที่เป็นคำถามที่สังคมสงสัย พล.ต.ต.ณัฐธรกล่าวว่า หลังจากที่ได้รับนโยบายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนก็ได้สั่งการเป็นหนังสือเวียนให้หน่วยงานในสังกัดตรวจสอบเป็นการภายในตามนโยบายของ สตช.ทั้ง 6 ข้อ ให้มีการดำเนินเสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์หากทางสื่อมวลชนมีข้อสงสัยก็จะพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ไปตรวจสอบโดยตนจะลงไปตรวจสอบด้วยตนเอง และก่อนหน้านี้มีหลายหน่วยงานได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ อาทิ สำนักงานจเรตำรวจ ซึ่งต้องรอผลการสอบอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวยกตัวอย่างด่านคลองลึก จ.สระแก้ว จะต้องตรวจสอบหรือไม่ กรณีที่มีการจับกุมนายมิราลลี ยูซูฟู หรือนายเมียไรลี ยูซูฟู อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ได้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ณัฐธรกล่าวว่า จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบแน่นอน เพื่อคลายข้อสงสัยโดยจะตรวจหาข้อบกพร่องว่าพบตรงจุดใด ใครเป็นผู้รับผิดชอบ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนพรมแดนธรรมชาติที่เป็นรอยต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศพื้นบ้าน ถ้าให้มีการปิดกั้นทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่ทางเจ้าหน้าที่จะมีการกวดขันอย่างเต็มที่เต็มกำลัง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
“ส่วนประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์และการลักลอบขนคนเข้าเมืองก็จะมีการตรวจสอบทุกเดือน เราไม่สามารถทำให้ปัญหาอาชญากรรมหมดจากโลกนี้ได้ แต่สามารถควบให้ปัญหาอาชญากรรมลดลงได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่จะต้องเชิญผู้ประสานงานด้านตำรวจจากต่างประเทศมาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและให้ความรู้ ผมสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเชื่อมั่นว่าเราจะเดินต่อไปด้วยกันในการให้บริการคนเข้าเมืองอย่างมืออาชีพและดูแลงานด้านความมั่นงให้ประเทศไทยเป็นมาตุภูมิที่มั่นคงปลอดภัย” พล.ต.ต.ณัฐธร รรท.ผบช.สตม.กล่าวทิ้งท้าย