ผบ.ตร. นำทีมแถลงละเอียดยิบ คดีบึ้มราชประสงค์ สรุปออกหมายจับแล้ว 17 ราย จับได้ 2 ชี้ โยงประเด็นค้ามนุษย์ หลังเครือข่ายถูกทางการไทยทำลาย และอาจโยงประเด็นการเมือง หลังพบ"นายอ๊อด"เป็นผู้ผลิตระเบิด และเอี่ยวบึ้มสมานเมตตาแมนชั่นปี 53 และระเบิดย่านมีนบุรีปี 57 ตำรวจเร่งล่าตัว
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (28 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และ พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมาย กอ.รมน. ร่วมกันแถลงสรุปผลการสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร
ก่อนเริ่มการแถลงข่าว พล.ต.อ.สมยศ ได้มอบเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท ให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นรางวัลนำจับเพื่อนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ร่วมกันคลี่คลายคดีนี้
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอธิบายสรุปแผนผังของเหตุการณ์ระเบิดทั้งหมด ว่า เหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้มีความเกี่ยวพันกับ 4 สถานที่ คดีแรกเหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลา 18.55 น. มีเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมแยกราชประสงค์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบก้วย ชิ้นส่วนเป้ ชิ้นส่วนลูกเหล็กกลม และชิ้นส่วนของท่อเหล็ก ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนมาก วันถัดมามีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เวลา 13.20 น. มีการระเบิดเกิดขึ้น 1 ครั้ง ที่เกิดเหตุมีวัตถุพยานเช่นเดียวกัน คือ ลูกเหล็กกลม ท่อแป๊บ และที่สำคัญคือมีการเก็บฝักแคระเบิดได้ในที่เกิดเหตุ
หลังจากเกิดเหตุถือว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เร่งรัดติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งตั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวน มีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รับผิดชอบงานด้านการสืบสวนสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งหน่วยข่าวกรองและฝ่ายความมั่นคงร่วมกันทำงาน
จากการสืบสวนเบื้องต้นรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเกือบ 200 ปาก มีพยานยืนยันและกล้องวงจรปิดยืนยันภาพคนร้ายในคดีที่ 1 คือ คดีระเบิดที่ศาลพระพรหม เป็นภาพชายคนร้ายใส่เสื้อสีเหลือง ต่อมาในคดีที่ 2 สะพานสาทร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ปาก และภาพวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกันลงพื้นที่ พบว่าคนร้ายเป็นชายเสื้อสีฟ้า
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จากทั้ง 2 คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ร่วมกันออกสืบสวนติดตามโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ และใช้การสืบสวนโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ จนกระทั่งสามารถสืบสวนติดตามคนร้าย 1 คน ได้หลบหนีมาอยู่ที่พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ในวันที่ 29 ส.ค. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ร่วมกันทำการปิดล้อมตรวจค้นห้องพักเป้าหมาย หมายเลข 412 และ 414 เจอตัวผู้ต้องหาคนที่ 1 คือ นายโบลา หรือ บิลาน มูฮัมหมัด ในครั้งแรกนั้นอ้างว่าชื่อ นายอาเดม คาราดัก ซึ่งเป็นชื่อปลอม และมาสารภาพชื่อจริงในภายหลัง นายบิลาน พักอยู่ในห้อง 412 ทั้งนี้ ภายในห้อง 414 และ 421 ได้พบวัสดุของกลางจำนวนมาก ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด ฝักแคระเบิด ท่อแป๊ปน้ำ ลูกเหล็กกลมที่บรรจุไว่ในถุงพลาสติก สารเคมีทีเอทีพี ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการประกอบระเบิด เสื้อผ้าที่สวมใส่ อีกทั้งในวันเดียวกันจากการสอบสวนพยานและการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าที่ไมมูณาการ์เด้นยังมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาอาศัยอยู่ในห้อง 9106 ด้วย เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมตรวจค้นอย่างรวดเร็ว จากการตรวจค้นพบหลักฐานอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด ที่สำคัญคือพบดินเทาซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ หลังจากปิดล้อมตรวจค้นแล้วเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมนายบิลานมาดำเนินคดี
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ทำให้ทราบว่า นอกจากนายบิลานแล้ว ยังมีกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด ดังนี้ ชุดแรกเป็นกลุ่มบุคคลที่เริ่มเข้ามาพักอาศัยในห้อง 412 และ 414 ประกอบด้วย นายอาเหม็ด โบซองแลนด์ นายอาริ โจลัน ชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน ต่อมาได้มีการขยายผลจากการรวบรวมพยานหลักฐานทำให้ทราบว่าคนร้ายอีกคนหนึ่งยังหลบหนีอยู่ในประเทศ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ จ.สระแก้ว คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู มาดำเนินคดี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ช่วงเวลาเดินทาง และมีหลักฐานทางนติวิทยาศาสตร์ มีลายนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาทั้งสองคนปรากฏอยู่บนอุปกรณ์ที่ใช้ทำระเบิด นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบสิ่งของทุกชิ้นในห้อง พบถุงกระเทียมตัดจุกอยู่ในตู้เย็น จากการตรวจสอบบาร์โค้ด พบว่า มีคนร้ายอีกคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ภาพคนร้ายที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากนั้นได้ดำเนินการตรวจสอบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายอีกหนึ่งคนชื่อ นายอับดุล ดาวับ คนนี้มาจากการให้การรับสารภาพของนายยูซูฟู ซัดทอดว่าเป็นผู้ที่ทำวีซ่า จัดหาที่พัก และมีพยานปากสำคัญอีกคนหนึ่งยืนยันว่ามีผู้ว่าจ้างให้เขาขับรถรับชายเสื้อสีฟ้าจากหน้ารามคำแหงไปส่งที่หน้าแม็คโคร หลังจากนั้น ก็ได้หลบหนีออกไปทางภาคใต้
ในที่เกิดเหตุของพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ เรายังพบใบเสร็จซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบเป็นวัตถุระเบิด คือ ท่อ หรือแป๊ปน้ำ จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พยายามหาที่มาของใบเสร็จนี้ เจ้าหน้าที่เจอร้านค้า ซึ่งมีกล้องวงจรปิดพบชายใส่แว่นเป็นผู้ซื้อ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในคดีของพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ในข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ในส่วนของไมมูณาการ์เด้นอพาร์ทเม้นท์ได้ดำเนินการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง พบข้อมูลในการดำเนินคดีผู้ต้องหาเพิ่มเติม ประกอบด้วย เป็นผู้ต้องหาที่เข้ามาติดต่อเช่าห้องพัก ทั้ง น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ ชาวไทย และกับสามี นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ทั้งคู่มาเปิดห้องพัก 9016 ให้คนร้ายเข้าพัก มีกลุ่มคนร้ายเข้าไปพักอาศัย ประกอบไปด้วย นายยูซูฟ อีกทั้งมีพยานบุคคลและภาพวงจรปิด ยืนยันว่า นายยูซุฟู และนายบิลาน ได้เข้า - ออกห้อง 9106 เช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จากการสอบสวนนายยูซูฟู ให้การว่า ผู้ที่ติดต่อนายบิลานช่วยเหลือ จัดหาวัตุระเบิด เครื่องมือเครื่องใช้ คือนายอาบูดูสตาร์ อาบูเลาะห์มาน หรือ อิซาน และยังมีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย คือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ์ พบแก้ว เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ในส่วนของไมมูณาพาร์ทเม้นท์ ในเรื่องของการมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติเพราะมีดินเทา สำหรับพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์นั้น มีฝักแคระเบิดมีอุปกรณ์ประกอบระเบิดไว้ในครอบครอง
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลของผู้สนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง มีพยานหลักฐานยืนยัน คือ โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ในคดีนี้ทั้งหมด มีบุคคล 32 คนที่ไปจดทะเบียนซื้อซิมการ์ดให้คนร้ายนำมาก่อเหตุนั้น คือ นายอาลีนู นายมูฮัมเหม็ด อิสเมล ความเชื่อมโยงของทั้ง 4 สถานที่ คือ ในที่เกิดเหตุของศาลพระพรหม ท่าเรือสาทร เราพบลูกเหล็กกลมขนาดใกล้เคียงกัน บางลูกเหมือนกัน เช่นเดียวกับห้อง 414 พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ก็พบลูกเหล็กกลมด้วย และชิ้นส่วนของท่อเหล็กจะพบทั้งที่ศาลพระพรหม ท่าเรือสาทร และห้อง 414 พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ และพบตัวจุดชนวนฝักแคระเบิดที่ท่าเรือสาทรและในห้อง 414 ตรวจสอบแล้วองค์ประกอบตรงกัน
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วพนักงานสอบวสวนได้ยืนยันระบุว่ากลุ่มบุคคลที่ใช้จ้างวาน สั่งการให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้กระทำความผิด ประกอบไปด้วย นายอิซาน นายอับดุลเลาะห์มาล นายซูแบร์ หรือ ชายเสื้อฟ้า นายเมียไรลี ยูซูฟู และนายบิลาน มูฮัมหมัด ทั้งหมดนี้เป็นชุดที่เข้ามาดำเนินการปฏิบัติการ ส่วนบุคคลอื่น ๆ เป็นผู้สนับสนุน ผู้ร่วมในการกระทำความผิด จากนั้นพนักงานจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดออกหมายจับ เนื่องจากคดีวัตถุระเบิดนั้นอยู่ในอำนาจศาลทหารตามคำสั่ง คสช.
ศาลทหารได้ให้ความเห็นชอบออกหมายจับทั้งสิ้น 17 หมายจับ ผู้ต้องหา 17 คน คือ 1. นายอาเหม็ด โบซองแลนด์ ผู้เช่าห้องพักที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ ห้องหมายเลข 414 2. นายอาริ โจลัน ผู้เช่าห้องพักหมายเลข 412 3. ชายชาวตุรกี ไม่ทราบชื่อตามภาพสเกตช์ ซึ่งพักอาศัยอยู่กับนายบิราจ ที่ห้องหมายเลข 412 4. นายไมไรลี ยูซุฟู เป็นผู้ซื้อสารเคมี ประกอบชิ้นส่วนระเบิด และนำระเบิดไปให้กับชายเสื้อเหลืองที่สถานีรถไฟหัวลำโพง 5. นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน พานายบิราลไปพักอาศัยที่ห้อง 412 6. นายอับดุล ดาวับ เป็นผู้ว่าจ้างให้ นายอิซาน ทำวีซ่าและจัดหาห้องพักให้กับนายไมไรลี ยูซูฟู 7. นางวรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ ผู้เช่าห้องพักที่ไมมูณาการ์เด้นโฮม 8. นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามี น.ส.วรรณา 9. นายยูซุฟ ไม่ทราบนามสกุลพักอาศัยที่ห้องไมมูณา 10. นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว มีส่วนพบปะกับนางวรรณา และไมไรลี ยูซุฟู ที่บริเวณอพาร์ทเม้นท์ไมมูณา การ์เด้น 11. นายอาบูดูสตาร์ อาบูเลาะห์มาน หรืออิซาน พักที่ห้อง 9106 ไมมูณา การ์เด้น 12. อาริ นู เป็นผู้ใช้หนังสือเดินทางของตุรกี ซื้อซิมโทรศัพท์ 13. นายมานา มาหมัด อิสเมล ใช้หนังสือเดินทางซื้อซิมโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ 14. ชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลตามภาพสเกตช์ ผู้ซื้อท่อเหล็ก 15. ชายไม่ทราบชื่อและนามสกุล ตามภาพจากกล้องวงจรปิด ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาหนองจอก ซื้ออาหารและพักที่ห้อง 412 16. นายโบลา หรือ บิลาน มูฮัมหมัด ชายใส่เสื้อเหลืองนำกระเป่าเป้ไปวางไว้ที่ศาลพระพรหม 17. นายซูแบร์ ชายเสื้อสีฟ้าตามกล้องวงจรปิด พักอาศัยที่ห้องหมายเลข 412 และเป็นผู้โยนระเบิดลงที่ท่าเรือสาทร
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ แล้วร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธระเบิดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีนี้มี พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้กล่าวหา มีฝ่ายสืบสวน พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ฝ่ายสืบสวนของ บช.น. ที่จะให้ข้อมูลทั้งหมด
“คดีระเบิดสรุปแล้วผู้ต้องหาที่ได้ที่ได้มีการออกหมายจับทั้งสิ้น 17 หมาย มีการจับกุมได้ 2 ราย เหลืออีก 15 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับคนร้ายจากการตรวจสอบในรายชื่อผู้ต้องหามีคนไทย 2 คน คือ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ และ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ์ พบแก้ว จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของทั้ง 2 คน พบข้อมูลว่านายอ๊อดมีประวัติการต้องโทษ คดีอาญา หลายคดี ในปี พ.ศ. 2553 เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โทษจำคุก 1 ปี ศาลรอลงอาญา ทั้งนี้ ยังพบว่า นายอ๊อด ถูกออกหมายจับในคดีระเบิดปี พ.ศ. 2557 ที่มีนบุรี และจากการตรวจสอบประวัติของกลุ่มคนร้ายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปยังคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ท้องที่บางบัวทอง ในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะต้องมีการขยายผลต่อไป
“นอกจากนี้ การตรวจสอบว่านายบิลาน กับชายเสื้อเหลือง เป็นคนเดียวกันหรือไม่ เราได้รวบรวมหลักฐาน การสอบพยานบุคคล การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ และการตรวจสอบเทคนิคพิเศษตรวจอุปกรณ์พิเศษ ประกอบกับคำรับสารภาพของผู้ต้องหานำชี้สถานที่ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจนจึงเป็นหลักฐานเชื่อได้ว่านายบิลานนั้นเป็นผู้กระทำความผิดจริงและเป็นบุคคลเดียวกันกับชายเสื้อเหลืองตามที่ปรากฏในภาพสเกตช์ สำหรับนายเมียไรลี ยูซูฟู ให้การรับสารภาพชัดเจน และชี้สถานที่ได้อย่างชัดเจน เรามีพยานหลักฐานยืนยันเช่นเดียวกับนายบิลาน ดังนั้นเชื่อได้ว่าคำให้การของผู้ต้องหาเป็นความจริง เพราะให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง อย่างไรก็ตาม ภาพของนายบิลาน เมื่อนำมาทำภาพเปรียบเทียบ นำวิกผมและแว่นตาออกไป และทำให้เป็นปัจจุบันค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน ส่วนนายซูแบร์ชายเสื้อฟ้าได้ทำการหลบหนีออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว” พล.ต.ต.ชยพล กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่คนไทยทั้งชาติจะต้องร่วมกันแสดงความยินดี หลังจากตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายความมั่นคง จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุและสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ที่ยังหลบหนี เพราะจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย กระทบความเชื่อมั่นกับชาวต่างชาติ ถือเป็นความสำเร็จ และเป็นความภาคภูมิใจที่สามารถเรียกความเชื่อมั่น ความมั่นใจให้กับคนไทยด้วยกันเอง รวมทั้งชาวต่างชาติ ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าในประเทศ ทำให้เห็นว่าหากใครก็ตามที่จะเข้ามาก่อเหตุ หรือ ทำสิ่งที่ไม่ดีในประเทศไทย ตำรวจก็พร้อมที่จะทำการจับกุม ผลงานที่เกิดขึ้นมาจากความสามารถ ความพยายาม ความมุ่งมั่น ความตั้งใจของตำรวจทหาร และผู้ที่เกี่ยวข้อง คดีนี้มีการทำงานแบบบูรณาการ โดยตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าชุด มี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รับผิดชอบการสืบสวนสอบสวน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ รับผิดชอบเรื่องการหาข่าว การประสานเรื่องความมั่นคง และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ใช้กำลังตำรวจกองปราบปรามในการปฏิบัติการในทุกขั้นตอน ร่วมกับกำลังจากเจ้าหน้าที่ทหาร จนสามารถคลี่คลายคดีนี้่ได้ อย่างสมบูรณ์แบบ มีการจับกุมผู้ต้องหาได้ ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการและผู้ที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลาย ไปจับกุมขบวนการ หรือเครือข่ายการค้ามนุษย์ ทำให้เกิดการโกรธแค้นที่ธุรกิจเขาถูกทำลาย อีกสาเหตุหนึ่งมีความเชื่อมโยงของตัวบุคคลเกี่ยวกับการเมือง คือ นายอ๊อด ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 และเหตุระเบิดภายในซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี เมื่อปี 2557 เราจึงตัดประเด็นไม่ได้ ว่าเรื่องนี้น่าจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะพยานหลักฐานเป็นเช่นนั้น
“อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าตัวละครมันเชื่อมโยงได้ คือ ตัวนายอ๊อด เป็นคนเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น และเหตุระบิดที่ย่านมีนบุรี เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดกันต่อว่าเหตุการณ์ที่สมานเมตตา และมีนบุรี มีตัวละครเชื่อมโยงหรือน่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ตรงนี้ยืนยันเราไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีใคร เราว่ากันไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง อย่างที่ผมเคยพูดโดยตลอดว่ามีบุคคลหลายคน หลายกลุ่มที่มีวัตถุประสงค์ หรือ ความต้องการ หรือ มีจุดประสงค์เดียวกันได้ร่วมกันทำผิด เพื่อให้ทุกฝ่ายสมประสงค์ อย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล 2 กลุ่ม มีเจตนาต้องกัน สมประโยชน์ด้วยกัน มีจุดประสงค์เดียวกัน กลุ่มหนึ่งอาจจะคนอีกกลุ่มหนึ่งก่อเหตุขึ้น แต่สุดท้ายแล้วได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” ผบ.ตร. กล่าว และว่า ในเรื่องของคดีหลังจากนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน ผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้ก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีตำรวจก็ต้องติดตามตัว รวมทั้งขยายผลถึงตัวผู้บงการ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าพยานหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่เพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อยากฝากถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ช่วยสนับสนุน หรือผู้จ้างวาน ขออย่าทำในสิ่งที่ประเทศชาติเสียหาย นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศแล้ว มีสิ่งที่น่าสะเทือนใจ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และได้รับบาดเจ็บอีกนับร้อยทั้งคนไทยและต่างชาติ วันนี้ตำรวจสามารถคลี่คลายคดี สามารถเรียกความมั่นใจ ความเชื่อมั่นจากคนไทยและต่างชาติ กลับคืนมาได้ เชื่อว่าทุกคนไทยและคนทั้งโลกไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ทั้งในประเทศและในที่อื่นในในโลก ทั้งนี้ อยากฝากถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่าเอาเลือดเนื้อ ความเจ็บปวดและความเสียหายของประเทศชาติ มาเป็นสิ่งที่สนองความต้องการของเขาเหล่านั้นเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจมีพยานหลักฐานอะไรที่สามารถยืนยันว่านายบิลาน คือ ชายเสื้อเหลือง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเราไม่มีพยานหลักฐานที่สามารถยืนยันว่านายบิลานคือชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุหรือไม่ เพราะเรามีแค่เป้ ธนบัตรและภาพจากกล้องซีซีทีวีที่ไม่มีความชัดเจน แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สามารถไปแสวงหาพยานหลักฐาน ทั้งวัตถุพยาน หลักฐานทาวงนิติวิทยาศาตร์และพยานบุคคล จนกระทั่งใช้สามารถยันกับนายบิลาน จนไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่าไม่ใช่บุคคลดังกล่าวได้ เพราะฉะนั้นการรับสารภาพผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไม่ได้เกิดจากการบังคับ แต่เกิดจากเขาจำนวนต่อพยานหลักฐานที่ตำรวจไปแสวงหามา จนไม่สามารถปฏิเสธเหล่านี้ได้
เมื่อถามว่าหากทั้ง 3 เหตุการณ์ความเชื่อมโยงกัน ตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นคนไทยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะต้องขยายผลต่อไป
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้บงการอาศัยกรณีการส่งชาวอุยกูร์ 109 คนไปจีน สร้างสถานการณ์ขึ้นมา พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการส่งชาวอุยกูร์ 109 คน ไปประเทศจีนและส่งชาวอุยกูร์กว่า 100 คนไปยังประเทศตุรกี ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่าวงประเทศ เมื่อพิสูจน์ทราบใครสัญชาติใดก็ส่งกลับไปยังประเทศนั้น เมื่อพิสูจน์ทราบว่าชาวอุยกูร์ 109 คนถือสัญชาติจีนก็ต้องส่งไปประเทศจีน ส่วนที่เหลือพิสูจน์ทราบว่าสัญชาติตุรกีก็ส่งไปยังประเทศตุรกี การดำเนินการของรัฐบาลจึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ต่อข้อถามว่า ในเรื่องความรู้สึกจะเป็นแรงจูงใจที่มากพอให้เขาก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าความรู้สึกเราคิดได้ เรานึกได้ แต่ข้อเท็จจริงต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน เราไม่สามารถเอาความรู้สึกมาประกอบได้
เมื่อถามถึงบทบาทนายอ๊อด ในคดีนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า นายอ๊อด มีส่วนในการผลิตระเบิด แม้จะไม่มีฝีมือถึงขั้นประกอบระเบิด เป็นผู้สนับสนุนจัดหา จัดเตรียม มีประวัติเสพยาเสพติด เกี่ยวข้องกับการพนัน
เมื่อถามว่าเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์การเมืองหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า นายอ๊อด เคยถูกดำเนินคดีฐานขัด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เมื่อปี 2553 สำหรับข้อมูลของตัวนายอ๊อด ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีภูมิลำเนาที่ใด เพราะถูกจับมา 9 ครั้ง ไม่มีเลข 13 หลักและไม่มีบัตรประชาชน ถือเป็นบุคคลลึกลับ ซึ่งตนได้กำชับกับทีมสืบสวนให้จับกุมตัวมาให้ได้ เพราะถือเป็นบุคคลอันตราย
เมื่อถามว่า ตำรวจมีหลักฐานอะไรที่ยืนยันว่า นายอ๊อด เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เรามีพยานบุคคลยืนยันว่านายอ๊อดได้ร่วมกับขบวนการนี้ มีการมั่วสุมกัน ขณะที่ปี 2557 ก็มีพยานบุคคลยืนยันเช่นเดียวกันจึงสามารถออกหมายจับได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 และเหตุระเบิดภายในซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายเชื่อมโยงกัน โดยในคดีนี้มีตัวละคร คือ นายอ๊อด มีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนของการผลิตระเบิด จึงสามารถเชื่อมโยงได้ เพราะกลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มเดียวกัน ลักษณะของวัตถุระเบิดมีที่มาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกัน สำหรับนายอ๊อด ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัว ส่วนจะหลบหนีอยู่ในประเทศหรือออกนอกประเทศหรือไม่ตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่าจากความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น เหตุระเบิดย่านมีนบุรี สามารถบ่งบอกได้หรือไม่ว่าเขาพยายามก่อเหตุมานานแล้ว พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ อาจจะเป็นการจ้างวานก็ได้
เมื่อถามว่าคดีนี้เข้าองค์ประกอบความผิดฐานก่อการร้ายหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ต้องพิจารณาดูก่อน แต่ขณะนี้พยานหลักฐานยังไม่พอที่จะแจ้งข้อหาก่อการร้าย อย่างคดีนี้มีเรื่องอุยกูร์เข้ามาแทรก หากไม่มีเรื่องอุยกูร์เข้ามาแทรกก็เข้าองค์ประกอบแล้ว การโอนเงินมาจากต่างประเทศ มีองค์กร แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร อีกอย่างคนร้ายที่ถูกออกหมายจับก็ไม่ทราบชื่อจริง ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับสามารถยินยันได้เพียงคนเดียวที่เป็นคนไทย ส่วนคนอื่นมีการใช้พาสปอร์ตปลอม เลขพาสปอร์ตก็ไม่ตรง จึงไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีสื่อมวลชนถามเรื่องผลการตรวจดีเอ็นเอที่พบในวัตถุพยานทั้งที่เป้ และธนบัตร นั้น ตนในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนยืนยันว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ ยังมาไม่ถึงตนแม้แต่ชิ้นเดียว ผลการตรวจที่พูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ ไม่มีอยู่ในสำนวนการสอบสวน ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว ตนยังไม่ได้รับผลการตรวจมาแต่อย่างใด ทั้งนี้ เราส่งดีเอ็เอของผู้ต้องหาไปตรวจแล้ว แต่ผลยังไม่ออกมา
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ผู้ต้องหา 15 คนที่เหลือ หากเจอก็จับ หากทราบว่าใครอยู่ที่ไหนก็จะขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน อย่างที่ตนเคยบอกว่า ไม่มีใครยืนยันชื่อสกุล เลขพาสปอร์ต ขณะที่การสอบสวนยังไม่ระบุถึงขั้นนั้น เท่าที่ได้รู้ชื่อสกุลจริงคือน.ส.วรรณา สวนสัน ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ถูกจับกุมแล้ว ชื่ออาจจะไม่ใช่ชื่อจริงก็ได้ เพราะผู้ต้องหาไม่ยอมพูดความจริง ส่วนกรณีจะมีการระงับพาสปอร์ตของน.ส.วรรณา ได้รับรายงานแล้ว เพราะเป็นคนเดียวที่มีพาสปอร์ตถูกต้อง
เมื่อถามว่า ส่วนกรณี นายอ๊อด ที่ไม่มีตัวตน ไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดและเหตุการณ์การเมืองมากว่า 9 ครั้ง จะรับรองได้อย่างไรว่า นายอ๊อด จะไม่ก่อเหตุอีก เพราะเป็นคนไม่มีตัวตนอยู่ในประเทศไทย พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เราก็พยามยามติดตามตัว ไม่ต้องเป็นห่วง
ถามต่อว่า ผู้ต้องหายอมรับหรือไม่ว่าเหตุจูงใจคือการแก้แค้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการแก้แค้น เป็นเรื่องของการเสียประโยชน์ของชบวนการค้ามนุษย์ ขนคนผิดกฎหมายเท่านั้น
ต่อข้อถามว่าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพราะผู้ต้องหาไม่ได้พูดหรือว่าอยู่ในขบวนการนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ทราบได้อย่างไรว่าผู้ต้องหาไม่พูด รู้หรือไม่ว่าผู้ต้องหารอรับเงิน ทั้งนี้ ขอให้เชื่อตนอย่าไปเชื่อข่าวลือ ตนทำมากับมือ คำรับสารภาพของผู้ต้องหาอยู่ในสำนวนหมดแล้ว ไม่สามารถเปิดเผยได้
เมื่อถามว่า มีหลักฐานอื่นหรือไม่ในการนำไปแสดงต่อศาลเพื่อเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมด พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีลวงโลก ตนและทีมงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นำเรื่องนี้มาเสี่ยง ตนทำอย่างตรงไปตรงมา ผู้สื่อข่าวอาจจะสงสัยว่าในช่วงแรกนายบิลานทำไม่ไม่ยอมรับ เพราะตอนนั้นยังตรวจสอบไม่ถี่ถ้วน ซึ่งต่อมาเราได้พบพยานหลักฐานอย่างชัดเจน นายบิลานจึงต้องรับสารภาพโดยปริยาย และเมื่อถามว่าทำไม่ผู้ต้องหาเยอะขนาดนี้ก็มาจากการขยายผลทั้งนั้น บางครั้งสื่ออาจจะไม่ทราบ ว่าเรื่องระเบิดกับขนคนเข้ามาอย่างผิดกฏหมายซ้อนกันอยู่บางคนอาจจะไม่เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้เราได้ผู้ปฎิบัติการ ผู้สนับสนุน ส่วนผู้บงการจะมีการมุ่งไปยังกลุ่มไหน เพราะมีการเกี่ยวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ยังสืบสวนไม่เสร็จสิ้น ทำไปเรื่อย ๆ เพราะว่าตัว นายซูแบร์ ก็ยังไม่ได้ ที่มาแถลงวันนี้เพราะเราได้ตัวคนวางระเบิดแล้ว ต่อไปเราจะตามหาชายเสื้อฟ้า ซึ่งสิ่งที่ตนตามมาตลอด การจะไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ตนตามด้วยเครื่องมือพิเศษ
เมื่อถามว่ายังต้องมีการประสานกับประเทศมาเลเซียเพื่อติดตามตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะอยู่ในชายแดนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า อยู่ประเทศไหนก็ประสานประเทศนั้น ตนไม่ได้บอกว่าอยู่ประเทศมาเลเซีย ทำไปตามเทคนิค แนวทางการสืบสวน ยืนยันว่าไม่ผิดทาง เมื่อตนได้ตัวผู้ต้องหามาเชื่อว่าผู้ต้องหาต้องจำนนต่อหลักฐาน
เมื่อถามว่า กรณีมีกระแสข่าวว่า นายบิลาน หรือ อาเดม ภาพสุดท้ายที่ใส่เสื้อสีเทาในสวนลุมพินีจะเป็นการจัดฉากนั้นมีการชี้แจงอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าไม่เสี่ยงกับเรื่องพวกนี้ส่วนายบิลานให้การอย่างไรเป็นเรื่องของเขา เรามีพยานหลักฐานแบบนี้ ตนได้สั่งการทำโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ใส่ใจในการทำงานค้นหาคนร้ายจากภาพกล้องวงจรปิด ผู้ต้องหา 15 คนที่เหลือมีเชื่อว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้วตนไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแบ่งหน้าที่ ต้องไปถามฝ่ายสืบสวน
ด้าน พล.ต.ทประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวย้ำว่า ขบวนการนี้ทั้งหมดคือขบวนการขนคนไปยังประเทศที่ 3 ที่นำพา จัดการที่พัก และหาเอกสารปลอมให้คนที่ต้องการเดินทาง เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐตัดขบวนการจากเดิมกลุ่มนี้เช่าห้องพักไว้ 5 ห้อง มีคนหมุนเวียนมาพัก ระยะหลังเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมคนเหล่านี้ไปไว้ที่ห้องกัก สตม. ก็หยุดไป พอเจ้าหน้าที่เริ่มซา พวกนี้ก็กลับมาอีก บางคนที่ถูกจับส่งตัวกลับประเทศเป็นลูกค้าของคนกลุ่มนี้ บางคนยังจ่ายเงินไม่ครบ ถูกส่งกลับไปก่อนพวกนี้เสียรายได้ เสียผลประโยชน์ มีบางคนเป็นญาติพี่น้องกัน เมื่อถูกส่งกลับเกิดความรู้สึกไม่พอใจ นี่อาจเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุก็ได้ ซึ่งรายละเอียดแรงจูงใจความเชื่อมโยงที่ทำให้เชื่อว่าขบวนการขนคนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดอยู่ในสำนวนการสอบสวนที่มีข้อมูลทำให้เห็นเหตุแรงจูงใจที่มากพอและรุนแรง
เมื่อถามว่าผู้ต้องหาให้การว่าถูกว่าจ้างจากขบวนการนี้หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า มันเป็นความรู้สึกจากข้างในมากกว่า เป็นเรื่องกลุ่มคน ที่มีความไม่พอใจและมีศักยภาพเพียงพอ ไม่ต้องมีการว่าจ้างหรือเป็นโครงข่ายใหญ่ก็ลงมือทำ กลุ่มนี้มีทักษะทำระเบิดสูง สามารถทำไตรอะซิโตนได้ มีทักษะทางเคมี โดยขบวนการระเบิดแฝงตัวในขบวนการขนส่งคน อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับตาความเคลื่อนไหวของต่างประเทศ และเฝ้าระวังการความปลอดภัยของสถานที่ พื้นที่สำคัญ เชื่อว่าการหยุดยั้งกลุ่มนี้ได้ เป็นการช่วยยับยั้งเหตุได้มากแล้ว สำหรับการกควบคุมตัวผู้ต้องหา ทั้งสองคนนั้น ยืนยันว่ามีทนายอยู่ด้วยตลอดเวลา รวมทั้งแพทย์คอยให้ความดูแลเมื่อนายบิลาน มีอาการป่วย ดูแลตามสิทธิทุกอย่าง
สำหรับ นายอ๊อด นั้น โฆษก ตร. กล่าวว่า เป็นคนหนึ่งที่การสืบสวนแตะไปถึง โดยพบว่ามีการพบปะกันในที่พักของกลุ่มขบวนการนี้ ตำรวจยังไม่ได้เทน้ำหนักไปที่เรื่องการเมือง เพียงแต่เราพบว่ามีนายอ๊อด ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการเมือง คนกลุ่มนี้ทำมานาน มีหลายคนได้รับผลประโยชน์ ทั้งนี้ นายอ๊อด นั้น ตำรวจไม่ทราบว่าตัวตนที่แท้จริง ชื่อสกุลจริงคืออะไร เคยมีข้อมูลเลขประจำตัวประชาชนแต่ก็เป็นข้อมูลปลอม ที่ผ่านมาว่าเคยก่อเหตุโดยตรวจตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง