ASTV ผู้จัดการ - ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับชายไม่ทราบชื่อ-สัญชาติ ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เชื่อมโยงระเบิดแยกราชประสงค์ เผยภาพวงจรปิดชี้ชัดเป็นคนเลือกซื้อแป๊ปเหล็กพร้อมเกลียวหมุนปิดฝาท่อเพื่อนำไปประกอบระเบิด จากร้านค้าในซอยสุขุมวิท 44/2 ด้าน “ศรีวราห์” เผยเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม และท่าเรือสาทร ว่าวันนี้ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพกล้องวงจรปิด และภาพสเกตช์ เพิ่มเติม 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ อายุประมาณ 30 ปี สูง 170 เซนติเมตร โดยกล่าวหาว่าร่วมกันทำวัตถุระเบิดซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ มีความเชื่อมโยงเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันทำระเบิด บุคคลดังกล่าวสามารถพูดภาษาไทยได้ และอยู่ระหว่างสืบสวนว่าเป็นใคร หลักฐานที่ไปทำการขอออกหมายจับได้จากพยานหลักฐานและพยานวัตถุ
ผู้สื่อข่าวถามว่าพบพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมมากกว่า 1 ราย เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานครบก็จะขอออกหมายจับทั้งคนไทยและต่างชาติ ขุดรากถอนโคนให้หมด จนถึงขณะนี้ทางนครบาลออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดไปมากกว่า 16 หมายแล้ว ส่วนการข่าวที่บอกว่ามีการจับกุมชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าได้ที่มาเลเซียนั้น ตนยังไม่ทราบและไม่ปรากฏรายละเอียดในสำนวน
มีรายงานเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับชายไม่ทราบชื่อและสัญชาติ ผิวขาว อายุ 30 ปี สูงประมาณ 171 ซม. เลขหมายจับ ที่ 862/2558 ลงวันที่ 23 ก.ย. 2558 โดยแจ้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
การออกหมายจับครั้งนี้ สืบเนื่องจากชายคนดังกล่าวไปเลือกซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดภายในร้านแสงไพศาลเซลส์ ซอยสุขุมวิท 44/2 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. จากนั้นชุดสืบสวนจึงไปตรวจสอบภายในร้านดังกล่าว พร้อมทั้งขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีชายรูปร่างสูงสันทัด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้น ลายทางสีฟ้า-ดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมแว่นสายตา เข้ามาเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทท่อแป๊ปเหล็ก และได้สั่งทำเกลียวหมุนปิดฝาท่อหัวท้ายจำนวน 10 ชุด โดยทางร้านได้จัดทำให้ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ก่อนชายดังกล่าวจะเดินออกไป นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับของกลางวัสดุประกอบระเบิดที่พบในห้องพักพูลอนันต์อพาร์ทเมนต์ย่านหนองจอกด้วย
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด ผิวขาว ผมรองทรงสั้น สวมแว่นตา และสามารถพูดภาษาไทยได้ ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ทำให้ขณะนี้มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ถูกศาลออกหมายจับทั้งสิ้น 16 หมายจับ มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 15 คน จับได้แล้ว 2 คนเหลือหลบหนีอีก 13 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่ถูกออกหมายจับ 2 หมายคือ นายเมียไรลี ยูซุฟู ขณะที่นายอาเดม คาราดัก ถูกจับกุมครั้งแรกที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นั้นเป็นความผิดซึ่งหน้าจึงไม่ได้ออกหมายจับในคราวนั้น แต่ภายหลังมาพบความผิดในจุดอื่นจึงได้ออกหมายจับเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงการเดินทางไปชี้แจงทูตที่กระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นการชี้แจงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการก็เพื่อหยุดยั้งการก่อเหตุหรือป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งมีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ไปอธิบายเกี่ยวกับการจัดวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ตลอดจนการเตรียมนำอุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในงานด้านความมั่นคงในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยและกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทยเช่นเดิม สำหรับการติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาจากต่างประเทศนั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจน
ส่วนกรณีผู้ต้องหาค้ามนุษย์ 4 รายที่เป็นนายทหารในพื้นที่ภาคใต้นั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อประสานส่งตัวจากหน่วยงานต้นสังกัดแต่อย่างใด ทางทหารคงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน