กองปราบปรามรวบ 3 ผู้ต้องหาขายอาวุธปืน กระสุนปืนและอาวุธสงครามหลายชนิดผ่านทางเฟซบุ๊ก จัดส่งทางไปรษณีย์ พร้อมโพสต์ชื่อนามสกุลจริงไว้ให้ลูกค้าติดต่ออย่างโจ่งแจ้ง ตำรวจส่งสายติดตามโดยใช้เวลากว่า 1 เดือนในการแกะรอย บุกรวบได้ที่ จ.ปทุมธานี
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รักษาการ ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.วชิรา ยาวไทยสงค์ สว.กก.ปพ.บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายวิทยา พากล้า อายุ 36 ปี นางพิพัฒน์ พากล้า อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา และนายสุรสิทธิ์ คชสิทธิ์ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม ปืนกลมือเอ็มทรี ขนาด .45 พร้อมซองกระสุนปืน, อาวุธปืนขนาด 11 มม.3 กระบอก, อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนปากกา) ขนาด .22, กระสุนปืนขนาด 9 มม.ขนาด .45 ขนาด .38 ขนาด .22 ขนาด .380 กระสุนปืนเอ็ม 16 กระสุนปืนอาก้า และลูกซองรวม 449 นัด วิทยุสื่อสาร 4 ตัว เสื้อเกราะ 1 ตัว และกล่องพัสดุไปรษณีย์ขนาดต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้จากบ้านพัก 3 หลังในพื้นที่ อ.ธัญบุรี และ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการลักลอบซื้อขายอาวุธปืน กระสุนปืน และอาวุธสงครามหลายชนิดผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยมีการประกาศขายผ่านผู้ทีใช้ชื่อว่า “Kongkiad Channee” “ชาญณรงค์ พงษ์สุวรรณ” และ “นักรบแดนอีสานใต้ไร้เงา” จึงเร่งสืบสวนติดตาม โดยใช้เวลากว่า 1 เดือนในการแกะรอย กระทั่งพบว่ามีการใช้บ้านพัก 3 แห่งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซุกซ่อนอาวุธปืนไว้ จึงขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้นเป้าหมายรวม 3 จุด
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวต่อว่า จุดแรกตรวจค้นบ้านเลขที่ 109/401 หมู่บ้านพรธิสาร 5 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี พบนางพิพัฒน์เป็นเจ้าของบ้าน พร้อมของกลางปืนและอาวุธสงครามของกลางชนิดต่างๆ ต่อมานายวิทยาได้แสดงตัวว่าเป็นผู้ครอบครองปืนและอาวุธสงครามดังกล่าว จึงมีการตรวจสอบที่มาที่ไป ก่อนยึดไว้เป็นหลักฐานและควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ป.
ต่อมาจุดที่ 2 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 109/393 หมู่บ้านพรธิสาร 5 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี ไม่พบผู้แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเชิญประธานชุมชนนำตรวจค้นพบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางหลายรายการ เบื้องต้นพบเอกสารระบุชื่อนายอธิษฐ์ ตันติสิริเลิศ และบัญชีธนาคาร จึงยึดทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นพบว่า นายอธิษฐ์มีหมายจับติดตัวอยู่ 2 หมายในคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ท้องที่ สภ.หนองปลิง จ.นครสวรรค์ และความผิดเกี่ยวกับการนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ท้องที่ สภ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
ส่วนจุดที่ 3 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 24/78 หมู่บ้านเบญจพฤกษ์ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยพบนายสุรสิทธิ์แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน นำเข้าตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนของกลางจึงยึดไว้เป็นหลักฐานก่อนคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
สอบสวนนายวิทยา และนายสุรสิทธิ์ให้การรับสารภาพ ขณะที่นางพิพัฒน์ให้การปฏิเสธ โดยนายวิทยาให้การว่าทำงานเป็นพนักงานขับรถขนขยะของสำนักงานเขตสาทร และมีความชื่นชอบสะสมอาวุธปืนอยู่แล้วจึงหาซื้อมาเก็บสะสม รวมทั้งเสื้อเกราะก็เก็บได้จากขณะที่ไปเก็บขยะในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองก่อนหน้านี้ โดยช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้ถ่ายรูปอาวุธของตนนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนจะมีผู้ที่สนใจเป็นนักเรียนช่างกล กทม.มาติดต่อขอซื้อปืนปากกาของตนในราคากระบอกละ 800 บาท ตนได้ตกลงขายไป 2 กระบอกเท่านั้น ส่วนอาวุธปืนสงครามนั้นได้หาซื้อมาจากบริเวณชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ทั้งนี้ หากปืนกระบอกไหนเสียก็จะติดต่อให้นายสุรสิทธิ์นำไปซ่อม นอกจากนี้ยังมีการรับซ่อมให้กับผู้ที่รู้จักและติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก
นายวิทยาให้การอีกว่า สำหรับอาวุธปืนส่วนตัวที่เก็บสะสมไว้ ไม่เคยนำไปใช้ก่อเหตุที่ใด หรือมีปัญหาขัดแย้งกับใคร มีเพียงนำอาวุธปืนไปใช้ซ้อมยิงตามสนามยิงปืนต่างๆ ใน กทม.โดยหาซื้อกระสุนปืนจากสนามยิงปืนแต่ละแห่ง ส่วนกล่องพัสดุไปรษณีย์นั้นตนใช้สั่งซื้อเครื่องเสียงและพระเครื่อง ไม่ได้ใช้สำหรับส่งขายอาวุธปืนให้แก่ลูกค้าตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ด้านนายสุรสิทธิ์ให้การว่า ได้ศึกษาวิธีการซ่อมอาวุธปืนทางอินเทอร์เน็ตจนมีความรู้และสามารถซ่อมปืนได้ ที่ผ่านมานายวิทยารวมทั้งผู้ที่รู้จักติดต่อกันผ่านทางเฟซบุ๊กจะนำปืนมาให้ตนซ่อม ซึ่งจะคิดราคาตามแต่ความยากง่ายในการซ่อมอาวุธปืนแต่ละชนิด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอาวุธปืนทั้งหมดถูกนำไปใช้ก่อเหตุที่ใดหรือไม่ รวมทั้งมีการติดต่อขายปืนไปให้แก่ผู้ใด ก่อนจะติดตามอาวุธปืนที่มีการซื้อขายและจัดส่งไปแล้ว พร้อมทั้งติดตามตัวนายอธิษฐ์ที่ยังหลบหนีอยู่มาดำเนินคดี
โดยเบื้องต้นดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครอง, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้ซึ่งยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป