xs
xsm
sm
md
lg

ก.ตร.ชี้ขาด 40 บิ๊กนายพลสีกากี “เด็กลุงตู่” ดัน “ศรีวราห์” ไม่ขยับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
สน.พระอาทิตย์

เล่นเอาหัวหมุนกันตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา บัญชีแต่งตั้ง “นายพล” ล็อตแรก ประจำปี 2558 ระดับ “รอง ผบ.ตร.-ผบช.” ทั่วประเทศ ยศ “พล.ต.ท.” ขึ้นไป ที่มีคิวเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 21 ก.ย.มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน เพราะแผนทุกอย่างไม่ราบรื่นดังคิด จนต้องงัด “สูตรพิเศษ” ขึ้นมาขายผ้าเอาหน้ารอดกันไปก่อน

ตามแผนการแต่งตั้งโยกย้าย “สีกากี” ประจำปีนี้ วางคิวพาดบันไดเอาไว้ให้ “บิ๊กปู” พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ได้ขยับขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองให้คืนสิทธิทวีคูณปฏิบัติหน้าที่ชายแดนใต้ นั่งเก้าอี้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” จะครองอาวุโสสูงสุด จ่อคิวเลื่อนขึ้น “รอง ผบ.ตร.” ตามกฎระเบียบ ก.ตร.แต่พอขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ยังไม่เสร็จสิ้นครบถ้วยสมบูรณ์ สูตรที่วางไว้ก็เลยต้องเปลี่ยนแปลง

สำนักปทุมวัน งัดสูตรเพิ่มเก้าอี้ “รอง ผบ.ตร.” ฝ่ายความมั่นคง 1 ตำแหน่ง ไว้รองรับ “พล.ต.ท.ศรีวราห์” เพื่อให้การทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย “นายพล” เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ต้องหยุดสะดุดลงรอ “คนคนเดียว” จนทำให้องค์กรรวมมีผลกระทบและเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

แม้ “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ด้านการบริหาร ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาการเปิดตำแหน่งใหม่ เพื่อเสนอให้ ก.ตร.พิจารณา จะออกตัวล้อฟรีว่าตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.” ที่เปิดมาใหม่นี้ไม่ได้เตรียมไว้ให้ “พล.ต.ท.ศรีวราห์” พูดเหมือนคนไทยทั้งประเทศกินหญ้า เรื่องนี้ไม่ต้องไปถามตำรวจรายไหนให้ยืนยัน ขนาดแม่บ้านทำความสะอาดตึก “ปทุมวัน” ก็ตอบได้ว่า “จูดี้” เสริมเก้าอี้รอง ผบ.ตร.ตัวนี้ไม่ใช่เพื่อศรีวราห์แล้วจะเพื่อใคร และเพราะอะไร?

ยิ่งใช้เหตุผลสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ จำเป็นต้องมี “รอง ผบ.ตร.” ฝ่ายความมั่นคง เพิ่มอีก 1 เก้าอี้ ฟังอย่างไรก็ดูพิลึกกึกกือ เพราะถ้าจำเป็นกันจริง ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.ที่มีอยู่ก็เป็นกุรุสหยิบมาใช้ ดึงออกมารับหน้าที่สำคัญกันได้เลย เลือกคนไหนก็ได้ ส่วนใหญ่อยู่ว่างๆ ส่องเฟซบุ๊กเล่นไลน์กันไปวันๆ กินเงินเดือนๆ หนึ่งเหยียบแสน หรือถ้าจะเปิดกันจริงๆ ก็น่าจะเปิดแค่ที่ปรึกษา (สบ 10) ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องเปิดรอง ผบ.ตร. คือ ทำเหมือนอย่างที่เปิดที่ปรึกษา (สบ 10) ตบโบนัสให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แต่การเลือกเปิด “รอง ผบ.ตร.” ซึ่งเป็นตำแหน่งหลัก เป้าประสงค์ก็เพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องให้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ที่จะขึ้นมานั่งเก้าอี้ “รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง” มีคุณสมบัติครบ สามารถก้าวขึ้น “ผบ.ตร.” ได้ตลอดเวลา ตามกฎเกณฑ์ คำสั่ง คสช.ที่กำหนดผู้ที่จะขึ้นเป็น “ผบ.ตร.” ต้องมาจาก “รอง ผบ.ตร.” เท่านั้น

คุณสมบัติเอื้อขนาดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “พล.ต.ท.ศรีวราห์” นายตำรวจขวัญใจ “บิ๊กตู่”

อย่างไรก็ดี การที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยังไม่ได้ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.เต็มตัว และยังไม่ได้ขยับเป็นรอง ผบ.ตร.ตามสเต็ปที่วางกันไว้ ผลพวงก็กระทบไปถึง “โผนายพล” ที่จะมีการจัดทัพกันต้องปรับเปลี่ยนกันวุ่นไปหมด

โดยปีนี้ระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบช.ว่าง 40เก้าอี้ แยกเป็น รอง ผบ.ตร.หรือเทียบเท่า 7 เก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร.12 เก้าอี้ และ ผบช.21 เก้าอี้

ระดับรอง ผบ.ตร.ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยึดตามกฎกติกา ก.ตร.เดินเรียงแถวตรงเลื่อนตามลำดับอาวุโส ส่วนระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยึดตามอาวุโสเช่นกัน มีเพียง พล.ต.ท.ดุสิต สังขะเมฆ นรป. (สบ 8) กับ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เท่านั้น ที่ต้องนำเข้าที่ประชุม ก.ตร.พิจารณาอีกครั้ง เพราะ พล.ต.ท.สุชาติ เป็น ผบช.อาวุโสลำดับ 1 ตามกฎต้องขยับขึ้น แต่เจ้าตัวทำหนังสือไม่ขอรับสิทธิ เพราะมีข่าวจะได้ไปนั่งเป็น ผบช.ศชต. ก็เลยต้องวัดใจ ก.ตร.จะว่าอย่างไร หากให้ตามที่ขอ พล.ต.ท.สุชาติก็ยังไม่ได้ขึ้น เปิดทางให้ พล.ต.ท.ดุสิต ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.แทน แต่ถ้า “บิ๊กใหม่” ต้องขึ้น พล.ต.ท.ดุสิต ก็ต้องร้องเพลงรอไปก่อน

ผลกระทบจาก “พล.ต.ท.ศรีวราห์” ยังไม่ได้ขยับ จึงตกไปอยู่ในระดับ “ผบช.” เต็มๆ เพราะเดิมที่บัญชีแต่งตั้งวางตัว พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบช.ภ.1 (นรต.34) สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ มาขึ้นเป็น ผบช.น. แต่เมื่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์ยังไม่ได้ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และไม่ยอมขยับไปเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ตำแหน่งที่เปิดให้กับตัวเองตามสิทธิทวีคูณ เพื่อรอขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. เพราะมองว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรี

ทำให้ พล.ต.ต.ศานิตย์ อดีต ผู้การนครบาล 3 ต้องยอมไปขึ้น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. รอคิวให้ขั้นตอน พล.ต.ท.ศรีวราห์ เรียบร้อยแล้วค่อยโยกไปนั่ง ผบช.น.อีกรอบ

เก้าอี้ ผบช.ภ.1 เดิมมีชื่อ “บิ๊กช้าง” พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 สายตรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.แปะป้ายจองไว้ ตามดิวเดิมที่ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 สายตรง พล.ต.อ.พัชรวาท จะไปเป็น ผบช.สตม. แต่พอมีข่าวลากไส้เน่า สตม.ซึ่งมี พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งกุมบังเหียนอยู่ ทำให้ตำรวจสายนี้โดนภาพลบติดตัว ดีลที่วางไว้สะดุด พล.ต.ท.วีระพงษ์ และพล.ต.ท.ธเนตร์ เลยเลือกที่จะต้องนิ่งรักษาเก้าอี้เดิม ไม่ขยับจะเหมาะสมกว่า

ตำแหน่ง “ผบช.ภ.1” เลยมาลงตัวที่ “บิ๊กหยม” พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. เพื่อนเลิฟ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ ผบ.ตร.ที่หวังจะเป็น ผบช.น. แต่ไปชนเด็กสายนายกฯ เลยต้องยอมเบี่ยงมาเป็น ผบช.ภ.1 ซึ่งตัวพื้นที่ทำเลก็ไม่ต่างอะไรจาก “นครบาล” มากนัก มีเงินสีเทารออยู่ทั่วพื้นที่ ทั้งส่วนบ่อนพนัน ตู้ม้าออนไลน์ สถานบริการและแรงงานต่างด้าว อีกทั้งของเถื่อนเกลื่อนกลาด

ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต.34 ได้แรงหนุนจาก พล.อ.ประวิตร กลับคืนสู่ถิ่นอีสานใต้อีกครั้ง ขณะที่ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ และ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งกันมาเมื่อปีก่อนในยุค คสช.เข้ามาก็ยังยึดเก้าอี้เดิมต่อไป

ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.เฉลิมพันธ์ อจลบุญ รอง ผบช.น.(นรต.34) ใกล้ชิดสายทหารมาคว้าเก้าอี้ไป ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร คุ้นเคยกับสายทหารและ “ทิดสุเทพ เทือกสุบรรณ” ยังนั่งที่เดิม ส่วน ผบช.ภ.9 “บิ๊กเบิ้ม” พล.ต.ต.ชนสิทธิ์ วัฒนวรางกูร รอง ผบช.น. สามี รมต.กอบกาญจน์ ลงมากุมบังเหียน

ส่วน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รอง ผบช.สกพ. (นรต.38) ขยับมาขึ้น ผบช.ก.ตร. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น.2 เพื่อนร่วมรุ่น 36 มือทำงานของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถึงจะมีแรงดันขึ้นตำแหน่งหลัก แต่สุดท้ายด้วยอาวุโสน้อยใหม่ก็จำต้องไปขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.กันไปก่อน

ก.ตร.ประชุมแต่งตั้งวันจันทร์ 21 ก.ย.นี้ ใครจะเข้าวินรออีกอึดใจเดียว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น