ASTV ผู้จัดการ - กองปราบปรามประสานสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดหาผู้เชี่ยวชาญเตรียมจำลองการตาย “เสี่ยชูวงษ์” ยันไม่มีธงฆาตกรรมอำพราง หรืออุบัติเหตุ
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตปริศนาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจหมื่นล้านว่า ในวันเดียวกันนี้ตนได้เรียกประชุมคณะทำงานคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ที่ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้าคณะ โดยมีการหารือและติดตามความคืบหน้าว่าประเด็นใดบ้างที่ทำแล้วเสร็จ เรื่องไหนที่ต้องสอบสวน หรือแบ่งให้ฝ่ายสืบสวนต้องไปทำเพิ่มเติม
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า นอกจากนี้ก็ได้รับรายงานจากฝ่ายสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางการเดินทางและความเป็นอยู่การใช้ชีวิตของนายชูวงษ์ และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในช่วงวันและเวลาก่อนจะเสียชีวิต คือ ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำรวมทั้งตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเดินทางในวันนั้น จุดอื่นๆ ที่เรากำลังตรวจสอบเพิ่มเติม คือ บริเวณข้างเคียงเส้นทางที่เรามีจุดซึ่งยังมีข้อสงสัย และในวันเดียวกันนี้ก็จะให้ฝ่ายสอบสวนนำสิ่งของที่เป็นหลักฐานที่ได้รับเพิ่มเติมไปตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการจำลองเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอีกครั้ง พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ได้ประสานไปทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ จัดหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ นัดหมายกันว่าน่าจะมีการตรวจสอบและจำลองเหตุการณ์ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้เมื่อทุกฝ่ายพร้อมแล้วคงพิสูจน์ทั้งเรื่องของเงื่อนเวลาประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ ในคดี รวมทั้งการใช้ชีวิตตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงสนามกอล์ฟ และในเรื่องอุปกรณ์ทางเทคนิคต่างๆ ที่ต้องสอดคล้องกัน
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเรียกตัว พ.ต.ท.บรรยินมาสอบปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพียงแต่เราจะออกหมายเรียกเพื่อให้นำรถยนต์คันเกิดเหตุกลับมาให้พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบอีกครั้ง
“ยืนยันว่าพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมา ยังคงต้องตรวจสอบเรายังไม่ฟันธงว่าสาเหตุการเสียชีวิต
เกิดจากการฆาตกรรม หรือเป็นอุบัติเหตุซึ่งได้กำชับทีมงานทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนว่าเรามีทั้งมือซ้ายและมือขวา มือซ้ายเราให้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุมือขวาเราดูเรื่องฆาตกรรม ดังนั้นเราไม่มีธง ว่าจะเป็นสาเหตุใดขอให้เดินไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง” ผบก.ป.กล่าว
เมื่อถามเรื่องการเรียกแพทย์ที่ชันสูตรมาสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้แล้ว ส่วนข้อสงสัยบางเรื่องยังต้องรอเอกสาร คือ สำนวนชันสูตรจากตำรวจ สน.อุดมสุข เพื่อดูว่ามีประเด็นใดบ้างที่เราจะต้องพิสูจน์หรือการชี้นำจากฝ่ายแพทย์การตายโดยผิดธรรมชาติ ถือว่าเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ในเบื้องต้นได้รับผลการรายงานเป็นเอกสารจากแพทย์แต่ต้องเก็บไว้ในสำนวนการสอบสวน
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวอีกว่า กรณีของสำนวนชันสูตรตนก็ไม่ทราบว่า ทาง สน.อุดมสุข ติดขัดปัญหาอุปสรรคใดจึงยังไม่ส่งสำนวนดังกล่าวมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.แต่ก็มีการทวงถามไปแล้ว ส่วนหลักฐานที่ได้รับเพิ่มเติมจากฝ่ายญาติของนายชูวงษ์เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมานั้น ได้นำส่งให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าการตรวจสอบจะดำเนินการอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมเราจะตรวจสอบว่าสิ่งใดที่ สน.อุดมสุข ดำเนินการไปแล้วแต่ยังมีสิ่งที่เราต้องทำเพิ่มเติม การดำเนินการจนถึงขณะนี้มีความแน่นหนาในเรื่องของเอกสาร มีความครบถ้วนเรื่องการตรวจสอบในทุกด้าน ถือว่าหัวหน้าชุดได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ
ผบก.ป.กล่าวด้วยว่า สำหรับการสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตของนายชูวงษ์คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขอให้พยานหลักฐานนั้นครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เราก็จะพยายามทำให้อยู่ในกรอบเวลาที่เหมาะสม ไม่เนิ่นนานจนเกินไป ส่วนกรณีการใช้หุ่นจำลองในการจำลองเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นด้วยนั้นก็ได้รับความกรุณาจาก พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนักวิชาการ และทางภาคเอกชน และจะมีการใช้รถยนต์จำลองเหตุการณ์อีกด้วย
ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปยังบุคคลที่ 3 ว่า สำนวนคดีที่คณะทำงานได้ดำเนินการไปมีความคืบหน้ามากและขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียก หรือขอออกหมายจับใครเพิ่มเติม