ผบก.ป.เผยกำลังตามล่าผู้ร่วมขบวนการสังหารอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่อีก 3 คน เป็นคนขับ จยย.วันก่อเหตุ คนชี้เป้า และผู้จ้างวาน โดยส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ที่คาดว่าคนร้ายจะกบดานแล้ว ส่วนคดีการตายของ “เสี่ยชูวงษ์” จะเรียกประชุมชุดพนักงานสอบสวนและชุดคลี่คลายคดีกำหนดแนวทางสืบสวนสอบสวนสัปดาห์หน้า
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีสังหาร นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ว่าชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการสังหาร หลังทำการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ทั้งนี้จากการสอบปากคำพบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การเป็นประโยชน์ และอยู่ระหว่างการติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ แนวทางการสืบสวนพบว่ายังเหลือผู้ร่วมขบวนการอีก 3 ราย คือ นายหนู ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นคนขี่จักรยานยนต์ในวันเกิดเหตุ รวมทั้งผู้ชี้เป้าชักชวนนานหนูมาร่วมขบวนการ และผู้จ้างวาน
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ ที่คาดว่า คนร้ายจะไปกบดาน สำหรับปมสังหารโหดนายสมยศมาจากปมหักหนี้คดียาเสพติดจำนวน 18 ล้านที่ผู้ตายรับงานไว้จากนักโทษรายหนึ่งที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี แต่ทำงานไม่สำเร็จ
นอกจากนี้ ผบก.ป.ยังกล่าวถึงคดีการเสียชีวิตปริศนาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้านว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. เรียกประชุมชุดสืบสวนและสอบสวนเพื่อวางแนวทางในการคลี่คลายคดีโดยในสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกประชุมชุดพนักงานสอบสวนและชุดคลี่คลายคดีเพื่อประชุมหารือกำหนดแนวทางสืบสวนสอบสวน รวมทั้งระหว่างนี้ให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบสำนวน ว่า ต้องมีการเรียกใครมาสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งยังขาดหลักฐานอะไร เพื่อที่จะทำให้สำนวนเกิดความชัดเจนและครอบคลุม นอกจากนี้จะทำหนังสือประสานขอขอสำนวน ช. หรือสำนวนชันสูตร จากพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข เพื่อนำมาประกอบสำนวนอุบัติเหตุ คาดว่า สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน