xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก ตร.เผยยังจับกุมผู้ต้องสงสัยไม่ได้ แต่เรียกชาวต่างชาติสอบแล้ว 2-3 คน คาดมีคนชี้เป้า-กันที่นั่งให้มือระเบิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTV ผู้จัดการ - “ประวุฒิ” โฆษก ตร. เชิญตัวเจ้าของนามแฝง “วิชเวช พรพรหมรักษา” มือโพสต์เสื้อแดงเตือนระเบิดราชประสงค์ล่วงหน้าสอบปากคำ เผยยังจับใครไม่ได้ แต่คุมชาวต่างชาติที่ต้องสงสัยมา 2-3 คนที่มีใบหน้าคล้ายมาสอบแล้ว ชี้ถ้าดูคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าน่าจะมีผู้ร่วมก่อการเป็นคนชี้เป้า-คนกันที่นั่งให้มือระเบิดด้วย

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษก ตร.ได้เชิญตัว นายพงศ์ภพ บุญสารี อายุ 36 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของเฟซบุ๊กในชื่อบัญชี “วิชเวช พรพรหมรักษา” มือโพสต์เตือนเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ สอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)

ก่อนหน้านี้นายพงศ์ภพได้ใช้นามแฝงว่า วิชเวช พรพรหมรักษา โพสต์ข้อความตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 13 สิงหาคม 2558 เตือนว่าในช่วงวันที่ 14-18 สิงหาคม อาจมีเหตุในกรุงเทพมหานคร โดยนายพงศ์ภพระบุว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นการใช้ชื่อปลอม โดยนำข้อมูลมาจากแฟนเพจหนึ่งและมีคนนำไปแชร์ต่อ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังให้ข้อมูลที่วกไปวนมา

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ประวุฒิยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการจับตัวผู้ต้องสงสัยและควบคุมตัวมาสอบสวนที่ ตร. ว่าขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่ามีการจับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาวต่างชาติประมาณ 2-3 คน เนื่องจากมีลักษณะของใบหน้าที่คล้ายกับชายต้องสงสัยในภาพวงจรปิด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจับกุม และผู้ต้องสงสัยที่นำมาตรวจสอบในตอนนี้ยังไม่ใช่คนร้ายแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติที่เรียกมาตรวจสอบอะไรที่ทำให้เจ้าหน้าที่มีความสงสัยในตัวของบุคคลเหล่านั้น พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า อย่างที่เห็นในรูปอาจจะมีการปลอมตัว ฉะนั้นผู้ที่มีหน้าคล้ายๆก็จะถูกเรียกมาตรวจสอบว่าในวันเวลาเกิดเหตุอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ มีพยานหลักฐานไหม และก็ตรวจสอบประวัติภูมิหลัง การเดินทางเข้าออกประเทศ และก็กลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน ตรงนี้ก็เป็นการตรวจสอบว่าน่าจะใช่ผู้กระทำความผิดหรือมีความเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่พบ ส่วนนายแบบชาวออสเตรเลียที่ตกเป็นข่าวในโซเชียลมีเดียว่าใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับผู้ก่อเหตุและได้เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วนั้น เป็นเพราะความผิดเพี้ยนของโซเชียลมีเดียทำให้เราต้องเสียเวลา และทำให้เขาต้องเสียชื่อ อันนี้ต้องขอบอกเลยว่าข่าวหลายอันที่ส่งเข้ามา บางคนอาจจะดูแล้วเผิน แต่ทุกเรื่องมันทำร้ายเรากันเองทั้งนั้นเลย อย่าโยนฟืนเข้ากองไฟเลย ทุกวันนี้เราปัญหาเยอะแล้ว ถ้าท่านเห็นท่านกรุณาลบเลยอย่าไปสนใจ ให้เชื่อข่าวสารที่เป็นสื่อหลัก หรือสื่อจากทางราชการดีกว่า ส่วนผู้ที่เผยข่าวไม่จริงสร้างความปั่นป่วน ขอร้องว่าอย่าทำเลย เพราะทางเจ้าหน้าที่เริ่มตามหาที่มาและจะทำการจับกุมทั้งหมด

เมื่อถามถึงความคืบหน้าทางคดีของเหตุระเบิดทั้ง 2 จุด พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำผู้เสียหาย สอบปากคำคนบาดเจ็บอยู่ เมื่อถามว่าพอที่จะออกหมายจับบุคคลใดได้บ้าง พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้ใกล้เคียงแล้ว ต้องขอรอความรอบคอบและชัดเจนอีกครั้ง เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานซึ่งตอนนี้ภาพสเกตช์เสร็จแล้ว โดยตอนนี้คาดว่าจะออกหมายจับได้คนหนึ่งก่อน เป็นการออกหมายจับตามภาพสเกตช์บุคคลในกล้องวงจรปิด ในข้อหาทำให้เกิดการระเบิด และฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ต้องสงสัยเดินทางไปที่สนามบินดอนเมืองหลังเกิดเหตุ ยืนยันว่ายังไม่มี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบเข้มผู้ที่จะเดินทางออกนอกประเทศอยู่แล้ว ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่ ตม.เข้าตรวจค้นห้องพักผู้ต้องสงสัยนั้น ไม่ใช่ ตม.อย่างเดียว ก็มีการทำทุกพื้นที่ทุกหน่วยหากเจ้าหน้าที่สงสัยใคร แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนข่าวที่ออกมาว่ามีวินจักรยานยนต์รับจ้างที่รับตัวผู้ต้องสงสัยจากซอยมหาดเล็กหลวงไปส่งที่ถนนสีลมหลังเกิดเหตุนั้น มีการเชิญตัวมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การในเบื้องต้นไม่ใช่สีลมอย่างที่เข้าใจ แต่จะเป็นจุดไหนนั้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งพยานในส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถสเกตช์ภาพผู้ต้องสงสัยออกมาได้เพราะว่าสามารถเห็นในระยะใกล้

เมื่อถามว่าตัวคนร้ายยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ขอให้อยู่ เมื่อถามว่าจากการสอบวินจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องสงสัยไม่ได้พูดเป็นภาษาไทย อาจจะเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ หากคนปลอมตัว สวมวิก ใส่จมูก เขาจะพูดภาษาอาหรับเราก็ไม่รู้เรื่องหรอก เมื่อถามว่าทำไมถึงคิดว่าผู้ต้องสงสัยปลอมตัวในเมื่อภาพที่เห็นไม่ชัด พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า มีกล้องในจุดหนึ่งที่สามารถจับภาพได้ชัด เมื่อถามว่าภาพจากกล้องตัวดังกล่าวตรวจสอบแล้วว่าอาจจะเป็นคนไทยที่ปลอมตัวเป็นชาวต่างชาติมาก่อเหตุ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะเขาอาจจะเข้าใจว่าเรามีโปรแกรมตรวจสอบใบหน้า เขาก็เลยพยายามทำทีโซนให้ดูเปลี่ยนไป คำว่าทีโซนคือ ดั้งจมูกกับสันคิ้ว ทำให้ระบบจะอ่านยากหน่อย อย่างไรก็ตามยังไม่ยืนยันชัดเจนเป็นแค่อาจจะ

เมื่อถามว่าสรุปแล้วผู้ต้องสงสัยมีมากกว่า 1 คนหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า หากท่านดูในคลิปวิดีโอก็จะรู้ว่าน่าจะเป็นคนชี้เป้า คนกันที่นั่งให้ เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการออกหมายจับได้เมื่อไหร่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก็อย่างเร็วที่สุด อันนี้เราเป็นคนเสนอขอ เราอาจจะเสนอขอวันนี้ได้ ถ้าโชคดีก็อาจจะอนุมัติได้ภายในวันนี้




สั่งคุมเข้มย่านชุมชน

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า วันนี้ พล.ต.อ.สมยศได้นำนโยบายของนายกฯ และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง โดยสั่งการให้มีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ในแหล่งชุมชนต่างๆ ที่มีความสำคัญโดยเฉพาะที่มีประชาชนหนาแน่น เช่น สถานีรถไฟฟ้า ป้ายรถประจำทาง ห้างสรรพสินค้า ที่มีประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยมาตรการนี้จะปฏิบัติในพื้นที่นครบาล ภูธรภาค 1, 2, 7 โดยมีกำลังเสริมจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจสันติบาลทุกกองบังคับการ และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนในส่วนที่ส่งกำลังมาสนับสนุนในกรุงเทพฯ มาเข้าแผนกับทุกกองบัญชาการ โดยกำลังทั้งหมดจะดูในเรื่องของมาตรการดูแลความปลอดภัยและการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในเหตุระเบิดทั้ง 2 จุด

“มาตรการแรกจะทำการเอกซเรย์พื้นที่ทั้งหมด ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ที่เป็นแหล่งมั่วสุมหรือที่พักอาศัยโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เรามีข้อมูลอยู่ เพื่อหาตัวกลุ่มที่มีพฤติกรรมหรือกลุ่มที่ร่วมกระทำความผิด อีกมาตรการคือ การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ชุมชนก็จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทั้งทหาร ตำรวจ รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาร่วมปฏิบัติ และจะมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจะจะทำการดูเบื้องหลังของประชาชน คอยแฝงตัวในที่ชุมชนเพื่อดูพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย เพราะว่าในแหล่งชุมชนที่มีคนหนาแน่นอย่างสถานีรถไฟฟ้า หรือตามย่านสยามสแควร์ เราไม่สามารถจะขอตรวจค้นผู้ที่ผ่านไปมาได้ทั้งหมด ก็จะใช้เจ้าหน้าที่สายสืบนอกเครื่องแบบที่มีความชำนาญในการสังเกตุพฤติกรรมคนร้ายเพื่อทำการตรวจสอบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้ให้แต่ละกองบังคับการประสานไปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่ออบรมเจ้าหน้าที่ รปภ.ในการดูแลตรวจค้นทุกประตูทางเข้าของห้างทุกจุด ต้องมีความเข้มงวด และต้องมีกล้องซีซีทีวีจับทุกประตูทางเข้าออก เพื่อดูว่าใครเข้าออกเผื่อมีการสืบสวนย้อนหลัง ในส่วนเจ้าหน้าที่เทศกิจก็จะให้ดูรอบๆ ของพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีถังขยะ มุมอับต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศกิจก็จะเข้ามาดูแลตรงนี้ โดยให้ทุกหน่วยรายงานผลกลับมาที่ศูนย์ กองบังคับการทุกกองบังคับการจะต้องมีข้อมูลทั้งหมดว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยของท่านหรือฝ่ายสนับสนุนที่มาร่วมในกองกำลังของท่านทำอะไรไปบ้างเป็นรายวัน” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

















กำลังโหลดความคิดเห็น