ผบ.ตร.ประณามมือบึ้มราชประสงค์อำมหิต สั่ง “จักรทิพย์” คุมคดี

ผบ.ตร.ประณามมือบึ้มอำมหิต มุ่งเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ ชี้เป็นระเบิดแสวงเครื่องลูกเดียว รัศมีทำลายล้างประมาณ 100-150 เมตร ส่วนข่าวซุกอีก 2 ลูกแค่ถุงขยะธรรมดา มอบ “จักรทิพย์” ดูแลคดี แจ้งปิดการจราจรตั้งแต่แยกประตูน้ำจนถึงแยกสารสิน และถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกเพลินจิตถึงแยกเฉลิมเผ่า ถึงเที่ยง 18 ส.ค.นี้ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 19 ราย


วันที่ 17 ส.ค. เวลา 20.50 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เรียกประชุมนายตำรวจระดับสูง เช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ท.มณู เมฆหมอก ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 19.00 น.ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดในรั้วศาลพระพรหม เอราวัณ บริเวณแยกราชประสงค์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีจำนวน 16 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 80 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่างๆ เช่น รพ.ตำรวจ รพ.จุฬาฯ รพ.ราชวิถี รพ.บำรุงราษฎร์ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับพฤติการณ์คนร้ายได้นำระเบิดมาวางไว้ภายในรั้วของศาลพระพรหม หลังเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับให้เร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้ แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา โดย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้สั่งการมายังตนให้ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารในการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยตนมอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นผู้รับผิดชอบในการหาพยานหลักฐาน ดูแลด้านคดีซึ่งจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจนครบาล ตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เพื่อเร่งคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการกระทำที่รุนแรง คนร้ายมุ่งหวังต่อชีวิต เนื่องจากในเวลา 19.00 น.ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงมีผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะพระพรหมเป็นจำนวนมาก การก่อเหตุครั้งนี้สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายมุ่งหวังต่อชีวิตเป็นหลัก

“ผมขอประณามการกระทำของคนร้ายที่ก่อเหตุว่าเป็นการกระทำที่อำมหิต โหดร้าย ปฏิบัติกับคนที่มาแสวงบุญ หรือมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน เพราะที่ผ่านมาเป็นการสร้างสถานการณ์ แต่ครั้งนี้ด้วยเวลาและสถานที่นั้นเป็นการมุ่งหวังต่อชีวิตอย่างชัดเจน” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ในส่วนรายละเอียดของเหตุการณ์นั้นขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทั้งการสอบสวน สืบสวน และพิสูจน์พยานหลักฐาน ทำงานอย่างละเอียด และขอประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนว่า ตั้งแต่บัดนี้จนถึงเวลาเที่ยงของวันที่ 18 ส.ค.นี้ เจ้าหน้าที่จะปิดการจราจรบริเวณแยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกประตูน้ำจนถึงแยกสารสิน และถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกเพลินจิต จนถึงแยกเฉลิมเผ่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานและตรวจที่เกิดเหตุ

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าเหตุระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่นำมาวางไว้เพียงลูกเดียว ทำด้วยท่อแป๊ปห่อด้วยผ้าสีขาว เบื้องต้นระเบิดดังกล่าวมีน้ำหนัก 3 กก. รัศมีทำลายล้างประมาณ 100-150 เมตร ส่วนดินระเบิดและวิธีการจุดระเบิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีระเบิดซุกซ่อนอีก 2 ลูกนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยเจอถุงต้องสงสัยบริเวณตอม่อรถไฟฟ้า และใต้ฐานพระพรหม จึงต้องตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงถุงขยะธรรมดา ส่วนที่ต้องมีการกั้นพื้นที่ประมาณ 100 เมตร เนื่องจากป้องกันการเกิดระเบิดซ้ำ อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่กู้ระเบิดและเจ้าหน้าที่ทหารจะเร่งตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัยตกค้างอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่คนร้ายเลือกก่อเหตุในพื้นที่ที่มีชาวจีนรวมตัวจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้คนจีนบาดเจ็บและเสียชีวิต มีความเกี่ยวข้องกับชาวจีนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็มองประเด็นนี้เหมือนกัน ส่วนสาเหตุการเกิดระเบิดนั้นยังไม่สามารถสรุปในตอนนี้ ยังคงมองทุกประเด็น ทั้งเรื่องการเมือง ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ยังคงมองไปทุกกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ ส่วนจะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่พารากอน และศาลอาญาก่อนหน้านี้หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาการข่าวมีการแจ้งเตือน หรือระบุกลุ่มใดเป็นคนก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ไม่ขอเปิดเผย แต่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญและตรวจเข้มดูแลอยู่แล้วตลอด การข่าวก็มีผลต่อการสืบสวนและการให้ข้อมูลเช่นกันจึงต้องนำมาประกอบกัน โดยหลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ผบช.น.และ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 จะมีการตั้งด่านความมั่นคงเพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย และยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถึงกับต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ในวันที่ 18 สิงหาคม เวลา 10.00 น.จะมีการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 23.45 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบย่านแยกราชประสงค์ หลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อเช้าหัวค่ำที่ผ่านมา พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 18 ส.ค. เวลาประมาณ 06.00 น. อีโอดีชุดใหญ่จะทำการลงพื้นที่เพื่อเก็บชิ้นส่วนของระเบิด เนื่องจากชิ้นส่วนกระเด็นไปไกลมาก ซึ่งวันนี้ขณะที่เกิดเหตุก็มืดแล้ว อาจจะทำให้ตรวจสอบได้ไม่ครบถ้วน โดยจะทำการตรวจสอบในระยะ 200-300 เมตร ในขณะนี้ยังไม่พบชิ้นส่วนใดที่จะเป็นประโยชน์ เนื่องจากที่พบเป็นแค่เปลือกที่ห่อด้วยผ้าขาวเท่านั้น ในส่วนของการจุดชนวนวิธีการประกอบ รายละเอียดอื่นๆ ขอดูพรุ่งนี้อีกครั้ง และไม่น่าจะมีการเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่บนบีทีเอสครั้งก่อน เนื่องจากครั้งนี้รุนแรงกว่ามาก และในขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ว่ามีความเชื่องโยงกับเหตุการใดหรือไม่ เพราะยังไม่ทราบชนิดของระเบิด อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพยานวัตถุ พยานบุคคล รวมถึงกล้องวงจรปิดต่างๆ

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ในส่วนของการดูแลพื้นที่ในเขตนครบาลได้นำกำลังของ 191 นครบาล 5 และนครบาล 6 ดูแลพื้นที่ทั้งหมด รวมไปถึงจุดที่จะมีความเสี่ยง ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ขอประชาชนอย่าตกใจ ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ มีเพียงจุดเกิดเหตุเท่านั้นที่มีการปิดจราจร ส่วนที่มีกระแสว่าจะมีการปิดสถาบันการเงินนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ทุกอย่างยังเปิดใช้งานได้ตามปกติ

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับยอดผู้เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 19 คน แยกเป็นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 12 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจ 4 คน โรงพยาบาลจุฬาฯ 2 คน และโรงพยาบาลกลาง 1 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมีจำนวน 123 คน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 18 แห่งในกรุงเทพฯ

บรรยากาศผู้บาดเจ็บที่ รพ.ตำรวจ