“สรรเสริญ” เผย “ประยุทธ์” มอบนโยบายหาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ตั้งโรงงาน สร้างความมั่นใจปลอดภัย จูงใจลงทุนในพื้นที่ พร้อม รปภ.เข้ม เล็งที่ใกล้ราชพัสดุ-เขตทหาร เพื่อความอุ่นใจ หวังยกระดับความเป็นอยู่ประชาชนท้องถิ่น พร้อมผ่อนปรนเงื่อนไข SME ที่เข้าไปลงทุน
วันนี้ (17 ก.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลาว่า นอกเหนือจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อจูงใจผู้ประกอบการแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังได้มอบหมายนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดหาพื้นที่เพื่อการจัดตั้งโรงงานหรือการประกอบกิจการที่เหมาะสมให้แก่นักลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยในการประกอบการ จูงใจให้เกิดการลงทุนในพื้นที่มากขึ้น
“ท่านนายกฯ มองว่านอกจากการมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ให้สิทธิประโยชน์มากเป็นพิเศษแล้ว ยังมีปัจจัยด้านมั่นคงที่ผู้ประกอบการจะคำนึงร่วมด้วย จึงสั่งการให้หน่วยในพื้นที่พิจารณาจัดหาพื้นที่ราชพัสดุ หรือพื้นที่ใกล้เขตหรือหน่วยทหาร เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ประกอบการอีกชั้นหนึ่งนอกเหนือจากการวางกำลังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง โดยท่านนายกฯ คาดหวังว่าการขยายการลงทุนในพื้นที่จะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในท้องถิ่น และเพิ่มขนาดเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ซึ่งประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกอยู่แก่ท้องถิ่นโดยมีรัฐคอยสนับสนุน”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) ที่นายกฯ เป็นประธานได้มีมติเห็นชอบให้มีการผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่เข้าไปลงทุนพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา (อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย) จากเดิมกำหนดเงื่อนไขว่าต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ให้เปลี่ยนเป็นมีเงินขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500,000 บาท และอนุญาตให้นำเครื่องจักรใช้แล้วมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท มาใช้ในโครงการได้ รวมถึงอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือในทุกพื้นที่ และได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด คือ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี และลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% เพิ่มเติมอีก 5 ปี