ปคม.จับขบวนการนายหน้าค้ามนุษย์ลักลอบจัดหาหญิงสาวหน้าตาดีผ่านเฟซบุ๊ก หลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศจีน ทำทีหลอกไปเป็นเด็กนั่งดริงก์รายได้ดี โดยออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ พอไปถึงบังคับให้ค้าประเวณีและกักขังไม่ให้ออกไปไหน เบื้องต้นพบเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติและมีเครือข่ายในหลายประเทศ
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผบก.ปคม. และ พ.ต.อ.กิตติศัพท์ ทองศรีวงศ์ ผกก.2 บก.ปคม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์ การค้าประเวณี เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่ น.ส.สุนัฐตา หรือส้ม อูปแก้ว อายุ 32 ปี ชาว จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 890/2558 ลงวันที่ 11 พ.ค. 58 จับกุมได้ที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร น.ส.อินทุอร หรือแบม พลพันธ์ชู อายุ 25 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 891/2558 ลงวันที่ 11 พ.ค. 58 นายประดิษฐ์ ท่าดี อายุ 25 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 894/2558 ลงวันที่ 11 พ.ค. 58 จับกุมได้ที่ กทม. น.ส.ศรีละคร หรือนาง ทองขาว อายุ 39 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 895/2558 ลงวันที่ 11 พ.ค. 58 จับกุมได้ที่ อ.บางเสาธง น.ส.จิตตานันท์ สิทธิชัย อายุ 31 ปี ชาว จ.บึงกาฬ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1531/2558 ลงวันที่ 6 ก.ค. 58 จับกุมได้ที่ จ.ภูเก็ต
พล.ต.ต.ธิติกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก บก.ปคม.ได้รับการประสานจากมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี นำผู้เสียหาย 4 คน หลังเดินทางกลับจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามาทางเฟซบุ๊กชักชวนให้ไปทำงานเป็นเด็กนั่งดริงก์ ที่นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อตกลงเดินทางไปทำงานได้มี น.ส.สุนัฐตาเป็นผู้ทำเรื่องเดินทางให้โดยได้เดินทางกับสายการบินแอร์เอเชีย ระหว่างเดินทางได้มีนายเว่ย กังฮาว (WEI KANG HOW) หรือนายบ็อบบี้ และนายเกิง เซียงตัน (KENG SIANG TAN) หรือนายอาเล็ก ร่วมเดินทางไปด้วย และมี น.ส.อินทุอร เป็นผู้นำหนังสือเดินทางมาให้ เมื่อถึงนครฉงชิ่งได้ไปพักอยู่ที่ตึกไฉซิ่น-เฉิงชื่อกั๋วจี้ ชั้น 4 โดยมีนายเว่ย กังฮาว และ นายเกิง เซียงตัน เป็นล่ามแปลภาษา และบังคับให้ผู้เสียหายกับพวกค้าประเวณีและกักขังไม่สามารถออกไปข้างนอกได้
พล.ต.ต.ธิติกล่าวต่อไปว่า ต่อมาผู้เสียหายได้ออกอุบายโดยคุยกับกลุ่มผู้ต้องหาผ่านไลน์ อ้างว่าเป็นโรคไทรอยด์ เป็นเหตุขอกลับประเทศไทยและยินยอมจ่ายเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อจะได้กลับประเทศไทยเป็นเงิน 50,000 บาท ผ่านทางบัญชีของนายประดิษฐ์ เมื่อกลับถึงประเทศไทยจึงได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศให้ช่วยเหลือเพื่อนอีก 3 คนที่ยังถูกกักขังอยู่ซึ่งเจ้าของสถานประกอบการค้าประเวณีในนครฉงชิ่ง เป็นชายและหญิงชาวจีน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจนครฉงชิ่งได้บุกเข้าทลายแหล่งการค้าประเวณี และช่วยเหลือผู้เสียหายชาวไทยได้เดินทางกลับประเทศ และจากการตรวจสอบพบว่าในการซื้อตั๋วเดินทางของผู้เสียหาย เป็นการใช้บัตรเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ของ น.ส.ศรีละคร และยังมีบัตรเครดิตที่เปิดที่ประเทศอังกฤษ ใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเมืองฉงชิ่งอีกบัตรหนึ่ง ทั้งนี้ จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า น.ส.จิตตานันท์ เป็นผู้ลงชื่อจดทะเบียนโทรศัพท์เครื่องที่ใช้ติดต่อ พงส.กก.2 บก.ปคม.ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อศาลอาญา และต่อมาวันที่ 3 ส.ค. 58 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม.ได้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คน และสามารถตรวจยึดโทรศัพท์หมายเลข 09-5005-8321 ได้จากตัวน.ส.ศรีละคร ทองขาว ขณะเข้าทำการจับกุม
พล.ต.ต.ธิติกล่าวอีกว่า รูปแบบการกระทำความผิดของผู้ต้องหามีการใช้เทคโนโลยี คือโซเชียลมีเดียในการหลอกลวงผู้เสียหาย ไปทำงานยังประเทศที่ 3 โดยใช้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นทาง ลักษณะของการกระทำความผิดนั้นมีทั้งการหลอก การบังคับ หรือการสร้างภาวะหนี้ให้มีหนี้เกินจริง พอไปถึงประเทศที่ 3 แล้วก็จะมีกลุ่มต่างชาติอีกกลุ่มรอรับอยู่ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งประเทศต้นทาง ปลายทาง ในการจัดหาทำหน้าที่นายหน้า การนำพา แบ่งกันบังคับ ในการดำเนินการ บก.ปคม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสืบสวนออกหมายจับทั้งหมด 9 หมาย จับกุมมาแล้ว 5 หมายที่เหลือจะคิดตามจับกุมต่อไป ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหามีมากกว่านี้ เป็นชาวต่างชาติ และมีผู้เสียหายมากกว่า 2 คน จากการตรวจสอบการใช้บัตรเครดิตของผู้ต้องหารูดซื้อตั๋วเครื่องบิน 23 ครั้ง แสดงให้เห็นว่ามีเหยื่อมากกว่า 20 คน ตำรวจกำลังตรวจสอบบัตรเครดิตอยู่ กลุ่มคนเหล่านี้แบ่งหน้าที่กันทำ มีทั้งชาวสิงคโปร์และจีน ที่ประเทศจีนได้จับไปส่วนหนึ่งแล้ว ทางประเทศไทยก็ทำงานร่วมกัน เป็นความร่วมมือในการส่งต่อข้อมูล
“กลุ่มเป้าหมายของผู้ต้องหา คือ หญิงสาวหน้าตาดี รูปร่างดี โดยขณะนี้เว็บไซต์ เจนโมเดลลิ่ง (JEN MODELING) ก็ยังคงออนไลน์อยู่ นอกจากนี้ รูปแบบในการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี มีหลายรูปแบบ ทั้งเริ่มต้นจากการหลอก เริ่มต้นจากความสมัครใจ แต่ก็ถือว่าเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการนี้ทำมาตั้งแต่ปี 2555” ผบก.ปคม.ระบุ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม บก.ปคม.และ บก.ปอท.ได้ร่วมกันจับกุมขบวนการ หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกลวงผู้หญิงไทยว่าจะพาไปทำงานร้านอาหารในต่างประเทศ ทั้งประเทศจีน ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ สุดท้ายหลอกไปค้าประเวณี โดยใช้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นทาง ผู้ต้องหามีทั้งหมด 5 คน มาร่วมแถลงข่าว 4 คน อีกคนกำลังเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการปรับระดับให้ไทยพ้นจากเทียร์ 3 หรือไม่นั้น ทั้งหมดอยู่ในรายงานทิปส์รีพอร์ตแล้ว การแก้ปัญหาเป็นความตั้งในจริงที่จะทำให้สหรัฐอเมริกา และไอยูยู เชื่อมั่นประเทศไทยในการแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีสิทธิในการยกเว้นแบนไทยได้ในอีก 90 วันนั้น เป็นความพยายามของไทยที่จะแก้ปัญหา แต่ว่าทางสหรัฐจะพิจารณาอย่างไรต้องรอดูต่อไป เพราะทางรัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนและทำงานเต็มที่แล้ว
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า การจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ครั้งนี้เป็นหนึ่งใน 34 ขบวนการที่เราได้เสนอไปในทิปส์รีพอร์ต และจะมีการขยายผลต่อไปว่า ขบวนการที่หลอกผู้หญิงไทยไปค้าประเวณีในต่างประเทศ คือ ขบวนการใหญ่ขบวนการหนึ่ง โดยผ่านทางเว็บไซต์ เจนโมเดลลิ่ง (JEN MODELING) หลักฐานทั้งหมดยึดได้จากโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปค้ามนุษย์ โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวงใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 (1) และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 มาตรา 5 ประกอบมาตรา 25