ศาลยกฟ้อง “เทพไท เสนพงศ์” อดีต ส.ส.ปชป.ไม่หมิ่น “ทักษิณ” วิจารณ์บริหารประเทศปี 49 แบบซีอีโอ เหมือนผีปอบ ชี้เป็นบุคคลสาธารณะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้
ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (4 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.50 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1923/2549 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายนพดล มีวรรณะ ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332
โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 17-19 พ.ค. 2549 นายเทพไท จำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยุครัฐบาลทักษิณลาออก โดยกล่าวทำนองว่าบริหารประเทศแบบซีอีโอ ที่มีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ช่วยทำงานไม่ได้ และยังได้กล่าวเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนผีปอบที่ออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ ซึ่งพยายามทุกวิถีทางเพื่อกลับเข้าสู่ร่างเดิมกรณี
โดยวันนี้ นายเทพไท จำเลยเดินทางมาพร้อมตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีทนายความ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมให้กำลังใจด้วย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีนายนพดล มีวรรณะ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นพยานเบิกความว่า โจทก์ เป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 2544 ปี 2548 และรักษาการนายกรัฐมนตรีในปี 2549 ส่วนนายเทพไท จำเลยที่ 2 เป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าวโดยพูดข้อความตามฟ้อง
ขณะที่นายเทพไท จำเลยที่ 2 ก็เบิกความยอมรับว่าได้แถลงข่าวกล่าวถึงข้อความดังกล่าวจริง แต่ศาลเห็นว่าตามทางนำสืบยังได้ข้อเท็จจริงอีกว่า โจทก์ได้ประกาศยุบสภาต้นปี 2549 และมีการกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 แต่ต่อมาตุลาการรัฐธรรมนูญ ก็ได้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งดังกล่าวไม่สุจริต ดังนั้นการกระทำเป็นการนำข้อมูลข่าวสารมาเผยแพร่อันเป็นวิสัยที่กระทำได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท พิพากษาให้ยกฟ้อง
ภายหลัง นายเทพไทกล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม คดีนี้ต่อสู้กันมานานถึง 10 ปี ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ เดิมทีคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้อง แต่เมื่อมีการอุทธรณ์ ศาลก็มีคำสั่งให้รับฟ้องไว้จนกระทั่งมีคำพิพากษาในวันนี้ ศาลให้เหตุผลว่าตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงถือเป็นบุคคลสาธารณะ ส่วนข้อความที่ว่า ทุจริตคอร์รัปชันเป็นผีปอบนั้น ศาลเห็นว่าหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณบริหารประเทศแล้ว ต่อมาถูกยึดอำนาจโดย คมช.ซึ่งเหตุผลหนึ่งของการถูกยึดอำนาจคือการทุจริตคอร์รัปชัน การวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในหน้าที่ เป็นการวิจารณ์ด้วยเหตุผลจึงพิพากษายกฟ้อง
นายเทพไทกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ต้องขึ้นกับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีอีกหรือไม่ โดยส่วนตัวคิดว่าจริงๆ แล้ว คดีนี้ทุกอย่างค่อนข้างชัดแล้วว่าเดิมศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งไม่รับฟ้อง ส่วนตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีคดีที่ฟ้องกันอีกหลายคดี