xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกายกฟ้อง “สนธิ” ให้สัมภาษณ์ต้านแก้ รธน.เมื่อปี 51 ไม่หมิ่น “ทักษิณ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2551
ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง “สนธิ” ให้สัมภาษณ์หลังออกแถลงการณ์พันธมิตรฯ เมื่อ 2 เม.ย. 51 ไม่หมิ่น “ทักษิณ” ข้อความที่จำเลยระบุการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ระบอบประธานาธิบดีเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อและไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลในขณะนั้นจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงบุคคลอื่นและประชาชน เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เกินเลยไปจากความจริง



วันนี้ (23 ก.ค.) ศาลจังหวัดปทุมธานีนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสุริยะใส กตะศิลา บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 8 ตามลำดับ ในข้อหาหมิ่นประมาท 3 กระทง กระทงที่ 1 กรณีการออกแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 4/2551 เรื่อง คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 กระทงที่ 2 กรณีการออกแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 5/2551 เรื่อง พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฟอกความผิดให้ตนเอง เพื่อลบล้างความผิดให้ตนเองและพวกพ้อง เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 และกระทงที่ 3 กรณีจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลังจากจำเลยที่ 6 อ่านแถลงการณ์ฯ ฉบับที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 ว่า “การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ดูให้ลึกๆ แล้ว ถ้าสามารถทำได้ นั่นคือพื้นฐานเงื่อนไขข้อแรกของการนำไปสู่ระบอบประธานาธิบดี” และ “อีกหน่อยวันดีคืนดีใครก็ตาม เอาเงินมาซื้อเสียง เข้ามามีเสียงข้างมากในสภา อยากจะขอแก้รัฐธรรมนูญหมวดกษัตริย์บ้างล่ะ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ... อันที่ 2 วันดีคืนดี พอแก้รัฐธรรมนูญนี้เสร็จเรียบร้อย อาจจะแก้ต่อว่า จากนี้ไปให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบประธานาธิบดี ให้เลือกประธานาธิบดีคนเดียวพอ แล้วประธานาธิบดีเข้ามา เอาเสียงข้างมาก รากหญ้าที่ไหน ใครคุมอีสาน ใครคุมเหนือได้ ก็เอาอีสานเครือข่ายลงให้ อาจจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ ถ้าเกิดแกหลุดจากคดีเพราะว่า 309 ไม่มีแล้ว แกก็จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย”

คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 เพียง 1 กระทง ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท และให้โฆษณาคำพิพากษาโดยย่อลงในหนังสือพิมพ์มติชนและผู้จัดการรายวันเป็นเวลา 5 วัน จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา

ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ ตามคำกล่าวของจำเลยที่ 1 เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อและความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลในขณะนั้นมีการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงบุคคลอื่นและประชาชน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งอันใด อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ไม่เกินเลยไปจากความจริง ไม่ปรากฏความไม่สุจริต จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น พิพากษาเป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียด้วย นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

























กำลังโหลดความคิดเห็น