กรมศุลกากรร่วมกับกรมอุทยามนฯ แถลงจับกุมลักลอบขนงาช้างจากทวิปแอฟริกาจำนวน 102 ท่อน 28 กิ่ง มูลค่า 10 ล้านบาท จับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปลายทางประเทศสิงคโปร์ เบื้องต้นงาช้างถูกยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมสอบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
เวลา 10.00 น. วันนี้ (6 ก.ค.) ที่กรมศุลกากร คลองเตย นายจำเริญ โพธิยอด รองอธิบดี กรมศุลกากร พร้อมด้วย พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร.(ด้านนิติวิทยาศาสตร์) และนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดงาช้างจากทวีปแอฟริกา จำนวน 102 ท่อน 28 กิ่ง มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายจำเริญกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 ส่วนสืบสวนปราบปรามที่ 3 สำนักสืบสวนและปราบปรามได้ดำเนินการสืบสวนติดตามข้อมูลผู้ลักลอบค้างาช้างซึ่งละเมิดสนธิสัญญาไซเตส กระทั่งทราบว่าเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้มีการขนส่งใช้เที่ยวบิน ET 831/25 จากสนามบินเมืองบราซซาวิล ประเทศสาธารณรัฐคองโก ก่อนจะต่อเที่ยวบิน ET 618/28 จากประเทศเอธิโอเปีย ผ่านเข้ามายังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปประเทศมาเลเซีย และไปยังประเทศสิงคโปร์ เมื่อเที่ยวบิน ET 618/28 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ทางเจ้าหน้าที่กรมศุลและกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ร่วมกันตรวจสอบสินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์พบว่าสินค้าดังกล่าวเป็นงาช้าง พร้อมหีบห่อยังระบุปลายทางคือเมืองเวียงจันทน์ ใน สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
นายจำเริญกล่าวว่า สำหรับขบวนการลักลอบขนงาช้างนั้น ได้มีการเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งก่อนหน้านี้จะใช้เส้นทางจากประเทศในทวีปแอฟริกา ผ่านประเทศไทยไปยัง สปป.ลาว ประเทศปลายทาง แต่เมื่อถูกจับกุมได้บ่อยครั้งจึงทำให้ขบวนการลักลอบขนงาช้างเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศได้มีการจับกุมผู้ลักลอบขนงาช้างไปบ้างแล้ว โดยทางการมีการร่วมมือกันในทุกภาคส่วนเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการลักลอบขนงาช้าง
เบื้องต้นงาช้างดังกล่าวถูกยึดเป็นของกลาง เนื่องจากมีความผิดฐานนำเข้าหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2542 ฐานนำผ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามมาตรา 23,24 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ. 2558 มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.กรมศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16,17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9 ) พ.ศ. 2482 อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส หรือCITES) ก่อนสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป