เผยมติ ก.ตร.อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองให้เยียวยา “ศรีวราห์” ได้นับอายุราชการทวีคูณ เป็นแผนลอบสกัด “ปู” แม้แต่ “บิ๊กป้อม” ยังต้องชิ่งหนี เชื่อ “บิ๊กตำรวจ” สางแค้นเรื่องเก่าไล่มาตั้งแต่กรณีโฆษณาจอแอลอีดี สินบนใบสั่ง มาจนถึงข้อมูลแหกตาบ่อนเตาปูน หัวแถวสีกากีเลยรวมตัวดับฝัน
ปฏิบัติการ “หักก้ามปู” กรณีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ลงมติลับ 3-2 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอุทธรณ์คำสั่งเยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เกี่ยวกับการใช้สิทธินับทวีคูณอายุราชการ ให้ไปชี้ขาดกันที่ศาลปกครองสูงสุด แม้จะไม่เป็นข่าวใหญ่โตอะไรและผู้คนในสังคมไม่ให้ความสนใจมากนัก แต่สำหรับแวดวงสีกากีมีการสอบถาม “เช็กข่าว” เบื้องหน้าเบื้องหลังกันสายโทรศัพท์แทบไหม้ โดยเฉพาะช่วงเย็นวันอังคารที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมติผ่านไปเรียบร้อยแล้ว
ก่อนวิเคราะห์ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง รวมทั้งยุทธการ “หักก้ามปู” จัดเตรียมแผนกันไว้อย่างไร ให้มาดูสายสัมพันธ์ระหว่าง “เก่งใหญ่” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. (นรต.31) กับ “เก่งเล็ก” พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล ผบช.น. (นรต.35) กันเสียก่อน
ทั้ง “บิ๊กอ๊อด” และ “บิ๊กปู” ว่าไปแล้วจัดเป็นตำรวจลายพรางขั้วเดียวกัน เป็นแขกคนสำคัญของฟาร์มโชคชัยทั้งคู่ แต่ พล.ต.อ.สมยศ มีชั่วโมงบินสูงกว่า มีความเหนือกว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ ทั้งทางยศ-ตำแหน่ง ฐานะเศรษฐกิจ มีกิจการใหญ่มั่นคงของครอบครัว และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ รวมทั้งเส้นสายต่างๆ ทั้งทางการเมือง การทหาร จนไปถึงกลุ่มเศรษฐกิจชั้นนำ ส่วน “บิ๊กปู” นอกจากความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขมาจากตระกูลพราหมณ์ มีทรัพย์สินที่ดินจำนวนหนึ่ง พ้นไปจากคุณสมบัติดังกล่าวแล้วไม่มีอะไรเทียบกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงได้ เรียกว่าห่างกันหลายช่วงตัว
เมื่อย้อนกลับไปช่วง ผบ.ตร.และ ผบช.น.ทำหน้าที่กันใหม่ๆ กองบัญชาการตำรวจนครบาลเคยนำเสนอปัญหาส่วยป้ายโฆษณาจอแอลอีดี กลายเป็นเรื่องใหญ่โตมาแล้วครั้งหนึ่ง นอกจากนั้น ผลพวงกรณีป้ายโฆษณายังทำให้ชื่อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และต่อมามีการย้าย 40 ผกก.ล้างนครบาลสร้างความไม่พอใจแก่นายตำรวจหลายคน เพราะเชื่อว่าเป็นการวางแผนกลั่นแกล้ง
ว่ากันว่าศึกป้ายโฆษณาในตอนนั้น คนเจ็บลึกแต่ไม่ออกอาการก็คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง (นรต.36)
“บิ๊กแป๊ะ” ถือเป็นหัวหอกของรุ่น และ ผบ.ตร.ได้เลือก นรต.36 ไว้ค้ำบัลลังก์ล้อมหน้าล้อมหลังอย่างแน่นหนา ดังนั้นความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้อง แถมจ่อเป็นตัวเต็ง ผบ.ตร.เรียกว่าดี เด่น ดัง แถมรวย บารมีไม่ต้องพูดถึง เมื่อเทียบกับ “บิ๊กปู” ต้องยอมรับว่าทิ้งกันห่างหลายเท่าตัว
การกระทบกระทั่งจากกรณีป้ายโฆษณาเลยเถิดไปถึงแผลเก่าอันเป็นตำนานขัดแย้งระหว่างรุ่นถูกสะกิดขึ้นมาอีก เรื่อยมาจนถึงกรณีสินบนส่วยค่าปรับจราจร ซึ่ง พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ฝ่ายจราจร เสนอมาตรการจับบรรดาผู้ใช้รถใช้ถนนที่ยัดเยียดเงินส่วยค่าปรับให้กับตำรวจเพื่อให้พ้นผิดจากการทำผิดกฎจราจร ข้อเสนอของรองฯ อดุลย์ ก็คือจ่ายเงิน 10,000 บาทแก่ตำรวจจราจรที่สามารถดำเนินคดีให้สินบนเจ้าพนักงานแก่บรรดาโชเฟอร์ทั้งหลาย
เมื่อเป็นข่าวเกรียวกราว พล.ต.ท.ศรีวราห์ ออกอาการไม่เห็นด้วย แต่ พล.ต.อ.สมยศ กลับไปถือหางฝั่งตรงข้าม แม้ “บิ๊กปู” จะอ้างว่ามีงบประมาณจำกัดแค่เพียง 100,000 บาท แต่ ผบ.ตร.ก็พร้อมให้การสนับสนุน ร่องรอยขัดแย้งปรากฏให้เห็นเรื่อยๆ ทั้งกรณีระเบิดไปป์บอมบ์หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง กับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ว่ากันไปคนละทาง จนมาถึงเหตุการณ์ทหารเข้าจับบ่อนการพนันในพื้นที่ บก.น.4 และ บก.น.2 โดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 นั้น นอกจากบ่อนเล็กบ่อนน้อย 3-4 แห่งยังมีบ่อนเตาปูนซึ่งถือเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่
ปฏิบัติการครั้งนั้นบุคคลที่เสียหน้ามากที่สุดก็คือ ผบ.ตร. เพราะก่อนหน้า พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล หรือปัจจุบันทำตัวเป็นกูรูบ่อนพนัน ออกมาแฉว่าบ่อนเตาปูนเปิดบริการนักพนันนานหลายสัปดาห์แล้ว โดยอ้างว่าได้รับไฟเขียวจากนายทหารและนายตำรวจใหญ่ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้ตอบโต้ลักษณะไม่ให้ราคา พร้อมยืนยันว่าบ่อนเตาปูนเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันมีแต่หยากไย่ ฝุ่นจับเขรอะ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ความเชื่อถือระหว่าง “นครบาล” กับ “สตช.” จึงถึงจุดสิ้นสุด
พล.ต.อ.สมยศ ลงคำสั่งย้าย 5 เสือ และ ผบก.ที่เกี่ยวข้อง ให้ไปปฏิบัติราชการศูนย์ ศปก.ตร.ในทันที ปรากฏว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์รีบออกคำสั่งทับให้กลับมายังตำแหน่งเดิมพร้อมออกมาอธิบายกับสังคมว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด บ่อนการพนันเตาปูนปิดไปนานแล้ว เป็นการตกย้ำรอยร้าว วัดกำลังกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่สุดท้าย ผบ.ตร.เป็นฝ่ายส่งตัว 5 เสือและ ผบก.คืนกลับหน่วยด้วยเหตุผลเดิมๆ คือไม่พบความบกพร่อง
ข่าวความขัดแย้งระหว่าง “อ๊อด-แป๊ะ-ปู” เป็นที่เปิดเผยทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกลุ่มสื่อสายตำรวจ แต่เชื่อกันว่าด้วยความเป็นม้าจากคอกเดียวกัน ไม่น่าจะเกิดอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้ รวมทั้งสิทธิของ “บิ๊กปู” ที่ศาลปกครองสั่งให้สำนักงานตำรวจฯ เยียวยาตามการนับทวีคูณอายุราชการ ก็น่าจะผ่านการพิจารณา จากบรรดา ก.ตร.ไปได้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
วันอังคารที่ 23 มิ.ย. 2558 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ร่วมพิจารณาโยกย้าย 33 นายพลนอกฤดู โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานพร้อมคณะ ก.ตร.อย่างครบครัน ขาดแต่เพียง พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร (นรต.31) ยื่นหนังสือลาป่วยอย่างกะทันหันไม่สามารถร่วมประชุมได้ ในส่วนของตำรวจจึงประกอบด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร., พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. (นรต.31), พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. (นรต.30), พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. (นรต.35), พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตภัลลภ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. (นรต.36) และพล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ จเรตำรวจแห่งชาติ
เมื่อผ่านการพิจารณาย้ายนายพลนอกฤดู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ติดภารกิจ รวมทั้ง พล.ต.อ.วุฒิต้องรีบเดินทางไปเข้าเวรองครักษ์จึงลุกออกจากห้องประชุม จังหวะนี้เอง พล.ต.อ.สมยศเสนอวาระเรื่องเยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ ซึ่งที่ประชุมยกมือรับรอง จากนั้นจึงเป็นการหารือเรื่องเยียวยาและการอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง มีการพิจารณาอย่างกว้างขวาง แต่ไม่อาจสรุปได้ ที่ประชุมมีมติให้ลงคะแนนลับเพื่อชี้ขาด ผลออกมาเป็น 3-2 ให้ยื่นอุทธรณ์ทำให้ “บิ๊กปู” ต้องเจอโรคเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ปฏิบัติการหักก้ามปูครั้งนี้มีคำถามว่าเหตุไร พล.อ.ประวิตรจึงไม่อยู่ประชุมต่อ และเหตุไร พล.ต.อ.สมยศจึงกล้าเสนอวาระประชุมหากไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่สามารถคุมเกมช่วยเหลือ พล.ต.ท.ศรีวราห์ได้
คำตอบน่าจะอยู่ที่ปัญหาบางเรื่อง “ผู้ใหญ่” อาจไม่อยากรู้เห็น ปัญหาบางเรื่องถ้าผู้ใหญ่ลงไปวุ่นวายเสียทุกเรื่อง ระบบมันจะเดินไปไม่ได้
จึงเป็นเรื่องที่ “บิ๊กปู” ต้องทำใจ แม้อนาคตที่วางไว้ว่าอาจจะได้รับการพิจารณาเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือกระโดดขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.โดยยกกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ก็เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มาก่อนมาเทียบเคียงก็คงเป็นฝันลมๆ แล้งๆ ที่ยังไม่อาจเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้
คราวนี้ลองมาดูคะแนนโหวตดังกล่าวเชื่อว่ากลุ่มที่ไม่สนับสนุน “บิ๊กปู” น่าจะไม่พ้นคู่ขัดแย้งเดิมๆ รวมทั้ง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ที่เคยยกมือค้านการนั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.1 ของ พล.ต.ท.ศรีวราห์มาก่อนแล้ว ส่วนผู้สนับสนุนคะแนนแรกน่าจะเป็น พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ “บิ๊กอวบ” เพื่อนรักร่วมรุ่น ส่วนคะแนนที่ 2 น่าจะเป็นการกำหนด หรือ “ล็อก” ไว้แล้วเพื่อให้สูสีไม่น่าเกลียด
อย่างไรก็ตาม ในซีกคะแนนชิ่ง เช่น พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ หรือ พล.ต.อ.วุฒิ ย่อมสะท้อนให้เห็นความจริงว่า พลังแฝงของ น.1 ซึ่งมีภาพเป็นเด็กในบ้านฟาร์มโชคชัย หรือขนาดเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แต่พอถึงพริกถึงขิงกลับพ่ายกลุ่มบิ๊กหัวแถวอย่างไม่เป็นท่า
“บิ๊กปู” จะต้องหายใจเข้ายาวๆ อีกครั้ง แล้วทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเองในห้วงเวลาที่ผ่านมา เป็นอันว่าแผนระยะยาว หรือแผนเหาะเหินเดินอากาศที่วางหมากเกมไว้ต้องมีอันมลายเหลือเพียงความว่างเปล่า กว่าจะได้รับการเยียวยาตามสิทธิทวีคูณอายุราชการ ยังคงต้องมานั่งนับระดับอาวุโสสืบต่อรุ่นพี่รุ่นน้องอีก
“หักก้ามปู” หมดท่าไปแล้ว..ใช่ว่าบิ๊กๆ ตำรวจจะกลมเกลียวกันต่อไปที่ไหน คิวหน้าเป็นช่วงซัดกันเองโดยเฉพาะบรรดาตัวเต็ง 2-3 คน เชื่อว่าวิชาเทพ วิชามาร หรือมารยาร้อยเล่มเกวียน มีเท่าไหร่คงต้องขนมาปะทะให้ได้เสียกันไปข้าง