สน.พระอาทิตย์
ตอกย้ำกระแสข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ กับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ให้กระพือขึ้นอีกครั้ง เพราะ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ นั่นนอกจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 ของ พล.ต.ท.ศรีวราห์แล้ว ยังเคยมีความสัมพันธ์ฉันญาติกันมาก่อนด้วย
ดูท่างานนี้เห็นที ผู้การฯ น.2-พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) คงต้องอยู่โยงเฝ้า “กรุ” ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อีกนานพอสมควร หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากกรณีทหารบุกเข้าตรวจค้นบ่อนพนัน “เตาปูน”
แม้ว่าผู้การฯ น.4 -พล.ต.ต.ปิยะพันธุ์ ปิงเมือง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (ผบก.น.4) ซึ่งถูกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาช่วยราชการ ศปก.ตร. เช่นเดียวกัน จากกรณีทหารจับบ่อนการพนันในพื้นที่บางเขน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่สีกากี จะไขกลอนปลดล็อกปล่อยออกจาก “กรุ” ศปก.ตร. กลับไปปฏิบัติหน้าที่ดังเดิมแล้ว แต่ดูเหมือนในราย “พล.ต.ต.ก่อเกียรติ” จะไม่มีวี่แวว “สัญญาณ” ในทางบวกอะไรออกมา
มิหนำซ้ำนอกจากไม่มี “สัญญาณบวก” แล้ว สัญญาณที่ส่งออกมากลับกลายเป็น “สัญญาณลบ” เสียมากกว่า เมื่อ “ผบ.สมยศ” ทำหนังสือตอบกลับอย่างเผ็ดร้อน ต่อหนังสือที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ขอตัว “พล.ต.ต.ก่อเกียรติ” ผบก.น.2 “พ.ต.อ.อัครพล สว่างวงศ์” รอง ผบก.น.2 และ “พล.ต.ต.ปิยะพันธ์” ผบก.น.4 กลับไปปฏิบัติราชการตามเดิม อ้างการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องทหารบุกจับบ่อนการพนันในพื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว และสั่งยุติเรื่องไปแล้ว รวมทั้งอ้างการถูกช่วยราชการที่ ศปก.ตร. ของตำรวจทั้งหมดจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่
โดย “สมยศ” ย้อนคำสั่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตอนหนึ่งในหนังสือตอบกลับและตอกกลับว่า หาก ผบช.น.เห็นว่าการที่ ตร.สั่งการให้ข้าราชการตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ที่มีการจับกุมอบายมุข (การพนัน) มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.จะเกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ ต้นสังกัด ผบช.น. ก็สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 72 ด้วยการสั่งให้ข้าราชการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์และความรับผิดชอบไปรักษาราชการแทนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้
“ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้ไปรักษาราชการแทนจะมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้ที่ดำรงตำแหน่งนั้นทุกประการ ตามนัย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 75 ประกอบกับภารกิจที่ ผบช.น.อ้างถึงถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดจะต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่บกพร่องไม่ได้ จึงให้ ผบช.น.ใช้อำนาจทางการบริหารตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจที่อ้างถึงอย่างเต็มกำลังความรู้ความสามารถ โดยให้ รอง ผบ.ตร.(ปป.2) กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดข้อบกพร่อง หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เสนอ ตร. โดยด่วนที่สุด” ท้ายคำสั่ง ผบ.สมยศ กำชับเอาไว้
ชัดเจนแจ่มแจ้งแบบไม่ต้องส่งให้ “กฤษฎีกา” ตีความหนังสือ “ผบ.สมยศ” ให้เมื่อยตุ้ม ไม่ส่งกลับ “ลูกน้อง” พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตามที่ขอ แต่ในหนังสือบอกปฏิเสธกลายๆดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ กลับเลือกที่จะปลดล็อคให้แค่เพียง “พล.ต.ต.ปิยะพันธ์” ผบก.น.4 เพียงรายเดียว ที่สามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ทั้งๆ ที่โดนเรื่องบ่อนคล้ายๆกัน
ตอกย้ำกระแสข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ กับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ให้กระพือขึ้นอีกครั้ง เพราะ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ นั่นนอกจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 ของ พล.ต.ท.ศรีวราห์แล้ว ยังเคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ญาติกันมาก่อนด้วย
การเลือกปล่อย ผบก.น.4 แต่กั๊กเก็บ ผบก.น.2 ไว้ในกรุ ย่อมหนีไม่พ้นเสียงติฉินนินทาว่า ในกอไผ่ต้องมีอะไรมากกว่าหน่อไม้แน่จะว่าไปแล้ว “กรุ” ศปก.ตร. หรือที่ตำรวจเรียกกันว่า “สุสาน” นอกจาก พล.ต.ต.ก่อเกียรติ ผบก.น.2 และพ.ต.อ.อัครพล รอง ผบก.น.2 แล้ว จากการสำรวจสุสานชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศปก.ตร. ยังมีอีก 2 นายพล และ 5 นายพัน อยู่ร่วมชะตากรรม “ผู้การฯ น.2” และดูจะไร้แว่วได้ออกจากสุสานแห่งนี้เช่นเดียวกัน
รายแรก “พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล” ผบก.ปอศ. ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการ ศปก.ตร. ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2558 ซึ่งพล.ต.ต.ธงชัย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 31 ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และพล.ต.ต.โกวิทย์ วงษ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก.
รายที่ 2 “พล.ต.ต.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์” ผบก.ตม.2 ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการ ศปก.ตร. ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2558 ว่ากันว่ามีสาเหตุมาจากก่อนหน้าได้เกิดกรณีเผยแพร่ข้อความในโซเชียลมีเดีย จนมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีมีตำรวจบก.ตม.2 ไม่พอใจที่ไม่สามารถไปส่งภรรยาที่เครื่องบินสายการบินไทยได้ จึงแกล้งไม่ยอมเซ็นปล่อยเครื่องขึ้นบิน เป็นเหตุให้เที่ยวบินดังกล่าวต้องดีเลย์กว่า 30 นาที ส่งผลกระทบต่อไฟลต์บินต่อมากว่า 50 ไฟลต์
อย่างไรก็ดี กรณี พล.ต.ต.สุวิชญ์พล แม้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะออกมายืนยันว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบข้อมูลที่มีการเผยแพร่ไม่เป็นความจริง พล.ต.ต.สุวิชญ์พลไม่ได้มีการเข้าไปส่งภรรยาตามกระแสข่าว แต่ขอเข้าไปส่งผู้ใหญ่ที่นับถือ ซึ่งไม่ได้รับการอนุญาต พล.ต.ต.สุวิชญ์พลจึงไม่ได้ดึงดันแต่อย่างใด ประกอบกับวันถัดมามีปัญหาเรื่องการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสาร จึงมีความล่าช้าในเที่ยวบิน โดยไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง จึงเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิด และเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว
แต่ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว พล.ต.ต.สุวิชญ์พลก็ยังไม่ได้กลับไปนั่งเก้าอี้ “ผบก.ตม.2” ตามเดิม
ส่วน 5 นายพันที่อยู่ “กรุ” ศปก.ตร.ทั้งหมดเป็นตำรวจโรงพักเตาปูน ทั้ง พ.ต.อ.โกสิต กาญจนะโกมล ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.ท.มนตรี โตสมจิตต์ รอง ผกก.ป.สน.เตาปูน พ.ต.ท.วริศพันธ์ เขมสิริเมธีกุล รอง ผกก.สส.สน.เตาปูน พ.ต.ท.สมเกียรติ อนันตรัตน์ สวป.สน.เตาปูน และ พ.ต.ท.นพคุณ ไพเราะ สว.สส.สน.เตาปูน
เมื่อส่อง “โหงวเฮ้ง” 3 นายพล 6 นายพัน ใน “สุสาน” ศปก.ตร.ตอนนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าหนทางที่จะได้ออกไปนั่งเก้าอี้ตามเดิมดูจะยากพอสมควร เพราะชนักติดหลังแต่ละนาย เรื่องข้อบกพร่อง ข้อกล่าวหา ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ต่าง แก้ตัว แต่ข้อหาหมั่นไส้ ดูเหมือนจะแก้กันลำบากจริงๆ