xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนอ่านอุทธรณ์คดีประหารอดีต ตร.กาฬสินธุ์ ฆ่าอำพรางศพโจ๋ 17

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์อดีตตำรวจกาฬสินธุ์แขวนคออำพรางศพหนุ่มวัย 17 ช่วงนโยบายตัดตอนยาเสพติด เหตุจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับหมาย นัดอีกครั้ง 23 ก.ค.นี้

วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.3252/2552 คดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 51 ปี, ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 46 ปี, ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 45 ปี, พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 54 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์, พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 65 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 48 ปี อดีต รอง ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ (ยศและตำแหน่งขณะฟ้อง) เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2547 จำเลยทั้ง 6 โดยจำเลยที่ 1-3 และจำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันเจตนาฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์จักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต เหตุเกิดที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นจำเลยทั้งหกได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนาบ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 2547 ถึงวันที่ 27 เม.ย. 2548 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยานเพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้ระบุว่าในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง เชื่อว่าพวกจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 6 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2555 ว่าให้ลงโทษจำเลยที่ 1-3 กระทำผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตายลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี และฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต เมื่อรวมโทษแล้วให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว จำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี จำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4

โดยในวันนี้ จำเลยที่ 1, 2, 4, 5, 6 เดินทางมาศาล แต่ ด.ต.พรรณศิลป์ จำเลยที่ 3 ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยนายประกันจำเลยที่ 3 แถลงต่อศาลว่าไม่สามารถติดต่อจำเลยที่ 3 ได้เนื่องจากจำเลยที่ 3 ย้ายภูมิลำเนามาอยู่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากได้โยกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 23 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.โดยให้ส่งหมายเรียกตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 และกำชับให้นายประกันจำเลยที่ 3 นำตัวจำเลยมาในวันดังกล่าว หากไม่สามารถนำตัวมาได้จะพิจารณาปรับนายประกัน

ด้านนางพิกุล พรหมจันทร์ อาของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า คดีนี้ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดี โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้ตนได้ต่อสู้และเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรมมาตลอด แต่จำเลยในคดีก็ได้รับการประกันตัวทั้งที่คดีมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต ขณะที่ตนก็สู้มาตลอดแม้ไม่ได้รับสิทธิในการคุ้มครองพยานด้วย ทั้งที่คดีนี้พนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นผู้ทำการสอบสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด มีมาตรการปราบปรามผู้ค้ายาและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 25 ของบัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพียง 3 เดือนแรกของการประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติด (1 ก.พ. - 30 เม.ย. 2546) มีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดถูกฆ่าตัดตอนเสียชีวิตมากถึง 2,275 ราย โดยเฉพาะกรณีการฆ่าแขวนคอนายเกียรติศักดิ์ ซึ่ง จ.กาฬสินธุ์เป็นจังหวัดแรกในการรับนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติ และพบว่ามีผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญใน จ.กาฬสินธุ์อย่างต่อเนื่อง ที่สามารถตรวจสอบรายชื่อได้มีทั้งสิ้นจำนวน 28 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น